Page 36 - kpiebook66015
P. 36
บทที่ 4
การตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารในต่างประเทศ
ในส่วนของกรณีศึกษาต่างประเทศที่จะกล่าวถึงในบทที่ 4 นี้ ดังที่ผู้เขียนได้เกริ่นไว้ก่อนแล้วตั้งแต่
ระเบียบวิธีวิจัยตั้งแต่บทที่ 1 ว่า การเกิดขึ้นของระบบรัฐสภาในระบอบประชาธิปไตยในโลกนั้น ได้เริ่มเกิดขึ้น
จากต่างประเทศโดยมีประเทศอังกฤษเป็นแม่แบบ และแต่ละประเทศที่เลือกที่จะปกครองโดยระบอบ
ประชาธิปไตยและเลือกที่จะใช้ระบบรัฐสภาก็ได้น าต้นแบบมาจากประเทศอังกฤษ รวมถึงการควบคุมการ
บริหารราชการแผ่นดินที่เป็นกลไกแบบดั้งเดิมที่ใช้อยู่ในประเทศอังกฤษมาใช้ด้วย นั่นคือ การให้สมาชิกรัฐสภา
ในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนสามารถตั้งกระทู้ถามรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการถามรัฐมนตรีที่รับผิดชอบ
เรื่องนั้น ๆ โดยตรง หรือถามต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ตอบปัญหาเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นข้อ
สงสัย หรือการให้อ านาจสมาชิกรัฐสภา (เฉพาะสมาชิกรัฐสภาที่มีส่วนในการตั้งฝ่ายบริหาร เช่น บางประเทศที่
มีสภาผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว ก็แสดงว่าสภาผู้แทนราษฎรเป็นองค์กรที่คัดเลือกผู้ด ารงต าแหน่งประมุข
ของฝ่ายบริหาร สภาผู้แทนราษฎรก็จะมีอ านาจในการขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ หรือบางประเทศที่
มีสองสภา คือ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ก็จะขึ้นอยู่กับว่าวุฒิสภาในประเทศนั้น ๆ มีส่วนในการแต่งตั้ง
ประมุขของฝ่ายบริหารหรือไม่ ถ้าหากไม่มี อ านาจในการขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจก็จะอยู่ที่สภา
ผู้แทนราษฎรเพียงสภาเดียว เป็นต้น) ซึ่งกลไกเหล่านี้จะบัญญัติอยู่ในทุกประเทศที่ใช้การปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยและจะมีลักษณะที่คล้ายกัน ต่างกันแต่เพียงการก าหนดกระบวนการและเงื่อนไข หรือถ้าหาก
เป็นกรณีการก าหนดเรื่องการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็มักจะเป็นการก าหนดความแตกต่างกันในเรื่องของ
จ านวนเสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ หรือเสียงที่ใช้ในการลงมติไม่
ไว้วางใจ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ ผู้เขียนเห็นว่าเป็นกระบวนการที่มีผู้ศึกษาไว้เป็นจ านวนมากแล้ว ดังนั้น จึง
ไม่ขอกล่าวถึงกรณีศึกษาต่างประเทศในส่วนของกระบวนการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินด้วยการตั้ง
กระทู้ถาม หรือขอเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ
อย่างไรก็ตาม ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วตอนต้นในเรื่องของที่มาและความส าคัญที่บ่งชี้ถึงสภาพปัญหาของ
การน าระบบรัฐสภาแบบอังกฤษไปใช้ในหลายประเทศ นั่นคือ การก าหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้
เลือกนายกรัฐมนตรี ก็เท่ากับว่าเสียงข้างมากในรัฐสภาและฝ่ายบริหารเป็นพวกเดียวกัน และส่งผลให้เกิด
ค าถามต่อการตรวจสอบถ่วงดุลว่ารัฐสภาจะสามารถตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารในความเป็นจริงได้หรือไม่ ที่
ส าคัญ บางประเทศได้เกิดปัญหาดังกล่าวในลักษณะเกินเลยที่ท าให้เกิดผลเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของ
ประชาชน เช่น กรณีของประเทศเยอรมนีที่เกิดการยึดอ านาจในรัฐสภาและน าไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่
รุนแรง หรือแม้แต่ประเทศไทยเอง การตั้งค าถามที่หนักที่สุดต่อการควบคุมเสียงข้างมากในรัฐสภาโดยรัฐบาล
จนไม่สามารถท าการตรวจสอบถ่วงดุลได้นั้น ก็เกิดขึ้นจากกรณีของการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนใน
การใช้มาตรการที่รุนแรง
ทั้งนี้ ในเมื่อหลายประเทศได้น าระบบรัฐสภาไปปรับใช้แล้วกลับเกิดปัญหาดังกล่าว กลุ่มประเทศ
เหล่านั้นบางประเทศจึงหาทางออกด้วยการสร้างกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่าย
บริหารขึ้นนอกเหนือจากการใช้การควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินแบบดั้งเดิม คือ การตั้งกระทู้ถาม หรือ
35