Page 40 - kpiebook66015
P. 40
อีกทั้งยังท าให้ผู้ด ารงต าแหน่งรัฐมนตรีได้ให้ความส าคัญและท างานในฐานะรัฐมนตรีได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องแบ่ง
51
เวลาไปท างานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
2) ข้อเสนอเกี่ยวกับการก าหนดเสียงข้างมากพิเศษในลักษณะที่เป็นเสียงข้างมากพิเศษแบบ
ขั้นบันได (Supermajoritarian Escalator)
การรับเอาระบบรัฐสภาแบบประเทศอังกฤษมาปรับใช้ในหลายประเทศในภาคพื้นทวีปยุโรปนั้น
มักจะประสบกับปัญหาเกี่ยวกับกรณีที่รัฐบาลและรัฐสภาเสียงข้างมากมาจากพรรคการเมืองเดียวกันและ
รัฐบาลได้ใช้อ านาจรัฐจนเกินเลยไปถึงเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนด้วยการประกาศสถานการณ์
ฉุกเฉิน ซึ่งบางกรณีก็อาจเป็นการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีระยะเวลายาวนาน และมีการบังคับใช้
มาตรการที่ไม่เหมาะสม และด้วยเหตุที่สมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากและรัฐบาลมาจากพรรคการเมืองเดียวกัน
หรือพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรกัน จึงส่งผลให้ไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อ านาจของฝ่ายบริหารใน
52
กรณีดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาในลักษณะดังกล่าวนี้ Bruce Ackerman ได้ชี้ให้เห็นว่า การตรวจสอบ
ถ่วงดุลฝ่ายบริหารในการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้นถือเป็นสิ่งที่ส าคัญ แม้ว่าการใช้อ านาจในสถานการณ์
ฉุกเฉินจะถือว่าเป็นสิ่งที่จ าเป็นเพื่อความมั่นคงของรัฐ และเป็นกรณีที่รัฐสามารถใช้อ านาจเพื่อจ ากัดสิทธิเสรีภาพ
บางประการได้ก็ตาม แต่ Ackerman เองก็เห็นว่า หลังจากเหตุการณ์การก่อการร้ายในสหรัฐอเมริกา ค.ศ. 2001
ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้หลายประเทศเริ่มมีการใช้อ านาจฝ่ายบริหารไปในทางที่ให้ความส าคัญกับความมั่นคง ซึ่งถ้า
หากมองในมุมของความจ าเป็นในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนแล้ว ก็จ าเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบ
ถ่วงดุลการใช้อ านาจดังกล่าวของฝ่ายบริหาร และถ้าหากฝ่ายบริหารถือเสียงข้างมากในรัฐสภา (ซึ่งโดยธรรมชาติ
ของระบบรัฐสภาก็เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว) ก็จ าเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการสร้างกลไกพิเศษบางอย่างขึ้น
เพื่อตรวจสอบการใช้อ านาจในสถานการณ์ฉุกเฉินของฝ่ายบริหารเนื่องจากเป็นการใช้อ านาจที่อาจกระทบต่อ
สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้
ด้วยเหตุนี้ Ackerman จึงได้เสนอการใช้เสียงข้างมากแบบขั้นบันได (Supermajoritarian
Escalator) ซึ่งในเบื้องต้น ก าหนดให้ในกรณีที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาลสามารถกระท าได้เลย
เนื่องจากเป็นกรณีเร่งด่วน แต่จะต้องก าหนดไว้อย่างชัดเจนถึงเงื่อนเวลาว่าการใช้อ านาจของรัฐบาลจะสิ้นสุดลง
โดยอัตโนมัติเมื่อครบระยะเวลาเท่าใด และถ้าหากจ าเป็นจะต้องต่ออายุการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ก็
จ าเป็นที่จะต้องไปขอความเห็นชอบจากรัฐสภา และการต่ออายุแต่ละครั้งก็จ าเป็นจะต้องใช้เสียงของสมาชิก
รัฐสภามากขึ้นเรื่อย ๆ โดย Ackerman ได้ยกตัวอย่างว่า ในการขอต่ออายุครั้งแรก ให้ต้องใช้เสียงร้อยละ 60
ของจ านวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด การต่ออายุครั้งที่ 2 จะต้องใช้เสียงร้อยละ 70 และการต่ออายุครั้งต่อ ๆ ไป
ก็ต้องใช้เสียงร้อยละ 80 เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบถ่วงดุลในมุมที่ป้องกันไม่ให้ฝ่ายบริหารที่ถือ
53
เสียงข้างมากในรัฐสภาใช้อ านาจตามอ าเภอใจจนส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
51 นันทวัฒน์ บรมานันท์, 2554, การปรับโครงสร้างของระบบรัฐสภา, กรุงเทพ ฯ : สถาบันพระปกเกล้า หน้า 282
52 Bruce Ackerman, 2004, The Emergency Constitution, The Yale Law Journal vol. 113: 1029, pp. 1047
53 Ibid
39