Page 41 - kpiebook66015
P. 41
ทั้งนี้ แม้ว่ารูปแบบดังกล่าวจะพบได้ยากในต่างประเทศและสามารถสรุปผลการบังคับใช้ได้ยาก
แต่แนวความคิดในการสร้างระบบ “เสียงข้างมากพิเศษ” เพื่อให้เสียงข้างน้อยมีความส าคัญในการตัดสินใจใน
บางเรื่องที่มีความส าคัญนั้น ก็เป็นสิ่งที่พบเห็นได้อย่างทั่วไป โดยอย่างน้อยที่สุด หลายประเทศจะก าหนดให้
การให้ความเห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมจะต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาด้วยมติเสียงข้าง
มากพิเศษ หรือในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบันก็ยังก าหนดให้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
จะต้องได้รับเสียงข้างมากที่มีเงื่อนไขในการรวมเอาเสียงของพรรคฝ่ายค้านด้วย เป็นต้น
4.2 การก าหนดกลไกพิเศษในการตรวจสอบฝ่ายบริหารโดยมีจุดเชื่อมโยงกับรัฐสภา
นอกจากการก าหนดเรื่องเงื่อนไขในการด ารงต าแหน่ง และเงื่อนไขในการใช้เสียงข้างมากพิเศษ
ซึ่งเป็นการสร้างกลไกพิเศษที่เกิดขึ้นในรัฐสภาเองแล้ว รัฐธรรมนูญบางประเทศยังก าหนดให้เสียงข้างน้อย
ในรัฐสภาสามารถน าประเด็นหรือร่างกฎหมายที่รัฐบาลและเสียงข้างมากในรัฐสภาเห็นชอบแต่มีข้อสงสัยว่า
อาจจะไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนไปขอให้มีการออกเสียงประชามติได้ โดยอยู่ภายใต้หลักการ
ที่ว่า แม้ว่าพรรคฝ่ายค้านซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนแต่เป็นเสียงข้างน้อยในรัฐสภาอาจจะไม่มีความชอบธรรม
เพียงพอที่จะล้มล้างมติของพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งถือเป็นเสียงข้างมากของรัฐสภาได้ แต่ก็ยังสามารถด าเนินการ
บางอย่างให้มีการคืนอ านาจให้ประชาชนตัดสินใจได้ถ้าหากเห็นว่ารัฐสภาเสียงข้างมากและรัฐบาลอาจตัดสินใจ
ด าเนินการบางอย่างที่ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ของประชาชน โดยประเทศที่มีการใช้กลไกในลักษณะนี้ ได้แก่
ประเทศเดนมาร์ก และประเทศสโลวิเนีย ดังนี้
- กรณีการออกเสียงประชามติในร่างกฎหมายของประเทศเดนมาร์กและประเทศอัลเบเนีย :
ประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาแบบสภาเดียว
กลไกลักษณะนี้มักจะก าหนดไว้ในรัฐธรรมนูญในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภาและมีลักษณะเป็นสภา
เดียวคือ มีสภาผู้แทนราษฎรแต่เพียงสภาเดียว ได้แก่ ประเทศเดนมาร์ก ประเทศอัลเบเนีย ประเทศฮอนดูรัส
ประเทศลักเซมเบิร์ก และประเทศมอนเตรเนโกร เนื่องจากประเทศเหล่านี้ไม่มีวุฒิสภาคอยกลั่นกรองกฎหมาย
อีกชั้น ท าให้พรรคการเมืองที่ถือเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร หรือก็คือพรรคร่วมรัฐบาลมีอ านาจในการ
ออกกฎหมายค่อนข้างมาก ด้วยเหตุนี้ เสียงส่วนน้อยในสภา (ซึ่งมักจะเป็นพรรคฝ่ายค้าน) จึงจ าเป็นต้องมี
อ านาจตรวจสอบถ่วงดุลเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงข้างมากในสภาออกกฎหมายตามอ าเภอใจ โดยในที่นี้ จะขอ
กล่าวถึงกรณีการบัญญัติรัฐธรรมนูญดังกล่าวในประเทศเดนมาร์กและอัลเบเนีย
รัฐธรรมนูญประเทศเดนมาร์กก าหนดให้เสียงส่วนน้อยในรัฐสภามีอ านาจขอให้มีการลงประชามติได้
แต่เฉพาะกรณีที่เกี่ยวกับร่างกฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเท่านั้น กล่าวคือ ในกรณีที่ร่างกฎหมาย
ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว (Folketing) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในสามสามารถ
ขอให้มีการน าร่างกฎหมายนั้นไปผ่านการลงประชามติได้โดยจะต้องขอภายใน 3 วันนับแต่วันที่ร่างกฎหมายนั้น
ได้รับความเห็นชอบจากสภา และในกรณีที่มีการขอให้น าร่างกฎหมายไปผ่านการลงประชามตินี้ เสียงข้างมาก
ในรัฐสภา (ซึ่งให้ความเห็นชอบแก่ร่างกฎหมายนั้น) สามารถขอถอนร่างกฎหมายนั้นได้ ภายใน 5 วันนับแต่
วันที่ร่างกฎหมายนั้นได้รับความเห็นชอบ เนื่องจากถ้าหากสุดท้ายประชาชนไม่ให้ความเห็นชอบด้วย ก็อาจต้อง
40