Page 39 - kpiebook66015
P. 39

ที่มีพรรคการเมืองหลายพรรค และยังมีผลการเลือกตั้งที่มักจะได้จัดตั้งรัฐบาลผสมบ่อยครั้ง ก็อาจท าให้เกิด

               ปัญหาได้ในสองมิติ (เช่นเดียวกับกรณีของประเทศไทยที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในบทที่ 3) นั่นคือ

                        หนึ่ง ในมิติของการบริหารราชการแผ่นดินภายในฝ่ายบริหาร โดยการก าหนดให้รัฐมนตรีสามารถ
               ด ารงต าแหน่งสมาชิกรัฐสภาได้ในคราวเดียวกันนั้น จะส่งผลให้รัฐมนตรี (ซึ่งอาจจะมาจากพรรคการเมืองคนละ

               พรรคกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นการจัดตั้งรัฐบาลผสม) มีอ านาจต่อรองกับนายกรัฐมนตรีมากเกินไป
               เนื่องจากถ้าหากรัฐมนตรีใช้อ านาจต่อรองกับนายกรัฐมนตรีในการด าเนินนโยบายการบริหารราชการแผ่นดิน

               มากเกินไปจนนายกรัฐมนตรีเลือกที่จะปรับคณะรัฐมนตรี บุคคลดังกล่าวก็จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะ
               ยังสามารถกลับไปด ารงต าแหน่งสมาชิกรัฐสภาได้ และการมีอ านาจต่อรองในลักษณะนี้จะท าให้นายกรัฐมนตรี

               อ่อนแอ และอาจน าไปสู่ความไม่มีเสถียรภาพของรัฐบาลได้

                        สอง ในมิติของการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน โดยการก าหนดให้รัฐมนตรีสามารถด ารง

               ต าแหน่งสมาชิกรัฐสภาได้ในคราวเดียวกันท าให้ไม่สามารถแยกอ านาจนิติบัญญัติและอ านาจบริหารออกจากกัน
               ได้โดยเด็ดขาด เพราะบุคคลคนเดียวสามารถด ารงต าแหน่งได้ทั้งในฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ท าให้เกิด
               การตั้งค าถามว่าจะสามารถตรวจสอบถ่วงดุลกันได้อย่างแท้จริงหรือไม่


                        ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าประเทศฝรั่งเศสซึ่งระบบรัฐสภาแบบประเทศอังกฤษมาปรับใช้จะต้องประสบปัญหา
               ทางการเมืองเกี่ยวกับความมีเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างหนักเนื่องจากผลการเลือกตั้งหลายครั้งท าให้เกิดการ

               จัดตั้งรัฐบาลผสม จนน าไปสู่การสถาปนาระบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิบดีขึ้นในสมัยสาธารณรัฐที่ 5 (ค.ศ. 1958)
               แต่ลักษณะของระบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิบดีก็ยังมีลักษณะคล้ายระบบรัฐสภา ทั้งนี้ ก่อน ค.ศ. 1958

               รัฐธรรมนูญฝรั่งเศสก็ก าหนดให้รัฐมนตรีและสภาผู้แทนราษฎรสามารถด ารงต าแหน่งในคราวเดียวกันได้ จึงท า
               ให้รัฐมนตรีมีอ านาจต่อรองกับประมุขของฝ่ายบริหารมากขึ้นจนรัฐบาลขาดเสถียรภาพ โดยในสมัยสาธารณรัฐที่ 3
                                                                                            49
               (ล่มสลายลงใน ค.ศ. 1940) ต้องมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ถึง 104 ชุด ในระยะเวลา 70 ปี

                        ดังนั้น เมื่อมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญใน ค.ศ. 1958 ซึ่งท าให้ประเทศฝรั่งเศสเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐที่ 5 นั้น
               จึงได้มีการบัญญัติห้ามนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ด ารงต าแหน่งส าคัญบางประการ โดยก าหนดให้


                        “...ผู้ด ำรงต ำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบำลไม่อำจด ำรงต ำแหน่งสมำชิกรัฐสภำ ต ำแหน่งวิชำชีพใน
               ระดับชำติ ต ำแหน่งเจ้ำหน้ำที่ของรัฐไม่ว่ำต ำแหน่งใด และไม่อำจประกอบวิชำชีพใด ๆ ในขณะด ำรงต ำแหน่ง
                          50
               รัฐมนตรีได้”

                        ทั้งนี้ การบัญญัติดังกล่าวก็เพื่อให้อ านาจต่อรองของรัฐมนตรีต่อนายกรัฐมนตรีมีน้อยลงซึ่งจะท าให้
               การบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลมีความเป็นเอกภาพมากยิ่งขึ้น และยังท าให้ฝ่ายนิติบัญญัติ และ

               ฝ่ายบริหารได้แยกออกจากกันอย่างเด็ดขาด ซึ่งส่งผลให้การตรวจสอบถ่วงดุลระหว่างสององค์กรมีความชัดเจน







               49  เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์, 2543, เอกสารวิชาการของสถาบันพระปกเกล้า ชุด รู้เขารู้เรา : ระบบการเมืองการปกครอง
               ฝรั่งเศส, กรุงเทพฯ : สยามศิลป์การพิมพ์ หน้า 41
               50  นันทวัฒน์ บรมานันท์, 2549, ค าแปลรัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ค.ศ. 1958, กรุงเทพ ฯ : วิญญูชน หน้า 42



                                                                                                            38
   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43   44