Page 37 - kpiebook66015
P. 37

การอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นกลไกนอกเหนือจากกลไกดั้งเดิมเหล่านั้น เป็นกลไกที่ผู้เขียนจะ

               กล่าวถึงเป็นกรณีศึกษาในบทนี้

                        อย่างก็ตาม ก่อนการเริ่มต้นศึกษากรณีศึกษาเหล่านี้ ผู้เขียนอยากเน้นย้ าให้พึงตระหนักไว้ว่า แม้ว่า
               หลายประเทศจะพยายามสร้างกลไกอย่างอื่นนอกเหนือจากกลไกดั้งเดิมเพื่อให้การควบคุมการบริหารราชการ

               แผ่นดินของฝ่ายบริหารโดยรัฐสภามีประสิทธิภาพที่มากยิ่งขึ้นก็ตาม แต่การสร้างกลไกพิเศษในการควบคุมการ
               บริหารราชการแผ่นดินนั้น จะต้องไม่เกินเลยไปถึงขนาดที่ว่าท าให้เกิดการตรวจสอบจนรัฐบาลไม่สามารถ

               ด าเนินการบริหารราชการแผ่นดินได้เลย หรือไม่เกินเลยไปถึงขนาดว่าเสียงข้างน้อยในรัฐสภาสามารถล้ม
               รัฐบาลได้แม้ว่ารัฐบาลจะไม่ได้ด าเนินการจนมีปัญหาเรื่องความชอบด้วยกฎหมายก็ตาม อีกทั้งต้องตระหนัก

               เสมอว่า ในการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยนั้น เสียงของประชาชนหรือเจตนารมณ์ของประชาชนย่อม
               ถือเป็นสิ่งส าคัญ และเสียงของประชาชนย่อมสะท้อนออกมาได้ด้วยการเลือกตั้ง และเมื่อพรรคการเมืองที่ได้รับ
               เลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากจะเป็นพรรคที่มีอ านาจสูงที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล นั่นก็เท่ากับ

               ว่า นโยบายของรัฐบาลที่มีการใช้หาเสียงเมื่อคราวเลือกตั้งนั้น ถือเป็นสิ่งที่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน
               มากที่สุดว่าต้องการมีการบริหารราชการแผ่นดิน หรือมีการจัดท าบริการสาธารณะไปในทิศทางใด ดังนั้น การ

               สร้างกลไกตรวจสอบที่มากยิ่งขึ้น ก็จะต้องใช้ความระมัดระวังด้วยว่าจะต้องไม่เกินเลยไปถึงขนาดท าให้
               ประชาชนตั้งค าถามว่าเหตุใดกลไกของรัฐธรรมนูญจึงไม่ให้น้ าหนักต่อการแสดงออกซึ่งเจตนารมณ์ของ

               ประชาชน นอกจากนี้ แม้ว่าเสียงของประชาชนจะเป็นสิ่งส าคัญในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่การ
               คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและการจ ากัดการใช้อ านาจรัฐเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการใช้อ านาจตาม

               อ าเภอใจซึ่งอาจส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ ก็ถือเป็นอีกหลักการหนึ่งที่ส าคัญในการ
               ปกครองในระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน ดังนั้น ผู้เขียนจึงขอกล่าวถึงตรงนี้ว่า ข้อจ ากัดของการสร้างกลไกพิเศษ
               เพื่อให้เสียงข้างน้อยในรัฐสภาสามารถควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลได้นั้น มักจะมีการก าหนด

               จุดมุ่งหมายว่า “เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน” โดยอาจก าหนดให้กลไกเหล่านั้นถูกใช้ได้
               ต่อเมื่อเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน


                        หรือกล่าวให้ถึงที่สุด ประเด็นเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของประชาชนมักจะถูกก าหนดให้บรรจุอยู่ใน
               รัฐธรรมนูญ เรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติจึงกลายเป็นเรื่อง “ความชอบด้วย

               รัฐธรรมนูญ” หรือที่เรียกว่า “ความชอบด้วยกฎหมาย” มากกว่าจะกลายเป็นเรื่องทางการเมือง ดังนั้น การ
               ก าหนดกลไกพิเศษนั้น บางกลไกจึงระบุอย่างชัดเจนว่า การตรวจสอบนี้เป็นการตรวจสอบ “ความชอบด้วย
               รัฐธรรมนูญ” หรือ “ความชอบด้วยกฎหมาย” ไม่ใช่การตรวจสอบทางการเมือง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การ

               ตรวจสอบดังกล่าว (โดยมักจะให้สมาชิกรัฐสภาเสียงข้างน้อยสามารถน าประเด็นดังกล่าวเข้าสู่กลไกนี้ได้) จะ
               เป็นการตรวจสอบว่ารัฐบาลท า “ผิด” หรือ “ถูก” กฎหมาย มากกว่าจะเป็นการตรวจสอบว่านโยบายของ

               รัฐบาลนั้น ดี หรือไม่ดี ซึ่งเป็นการตรวจสอบทางการเมือง

                        ในส่วนของการกล่าวถึงกลไกพิเศษในการตรวจสอบการใช้อ านาจของฝ่ายบริหารโดยรัฐสภานี้

               ผู้เขียนจะขอกล่าวถึง (1) การปรับกลไกในการตรวจสอบฝ่ายบริหารโดยฝ่ายนิติบัญญัติซึ่งเป็นกลไกในรัฐสภา
               และ (2) การใช้กลไกโดยองค์กรอื่นที่ไม่ใช่รัฐสภา โดยมักจะเป็นกรณีที่มีการก าหนดให้เสียงข้างน้อยในรัฐสภา
               สามารถน าประเด็นดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาขององค์กรนั้นได้





                                                                                                            36
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42