Page 47 - kpiebook66015
P. 47
3) ประเด็นเกี่ยวกับการก าหนดเรื่องการให้สมาชิกรัฐสภาเสียงข้างน้อยสามารถขอให้มีการออก
เสียงประชามติได้
แม้ว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 ได้ก าหนดให้รัฐสภาสามารถขอให้มี
การออกเสียงประชามติได้ถ้าหากเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีเหตุสมควรให้ออกเสียงประชามติได้ และประชาชน
สามารถเข้าชื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการออกเสียงประชามติได้ก็ตาม แต่ก็ไม่มีการออกกฎเกณฑ์
รายละเอียดใดที่แสดงให้เห็นว่าการใช้กลไกดังกล่าวนั้น เสียงข้างน้อยก็สามารถใช้ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเคยมี
งานเขียนของนายทศพล เชี่ยวชาญประพันธ์ และนางสาวทิพย์ศริน ภัคธนกุล เคยกล่าวไว้ในบทความเรื่อง
“Empowering Direct Democracy through a Referendum to Counter-Balance : the Majority in
the House of Representatives of Thailand” โดยเสนอให้ผู้แทนเสียงส่วนน้อยสามารถขอให้มีการลง
ประชามติได้ โดยให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบ สามารถขอให้มีการลงประชามติได้
65
โดยมีข้อจ ากัดคือ ห้ามเกิน 2 ประเด็นในหนึ่งสมัยของรัฐสภา ซึ่งผู้เขียนเห็นด้วยกับหลักการที่ได้มีการเสนอ
แต่ผู้เขียนยังตั้งข้อสังเกตในเรื่องความเหมาะสมของข้อจ ากัดที่ก าหนดเป็นจ านวนครั้งในหนึ่งสมัยรัฐสภา
เนื่องจาก ถ้าหากในสภาสมัยนั้นออกกฎหมายที่กระทบต่อประชาชนในเรื่องส าคัญค่อนข้างมาก
หรือด าเนินการอะไรที่เป็นที่น่าสงสัยว่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชนค่อนข้างมากแล้ว การจ ากัดจ านวน
ครั้งก็อาจท าให้ไม่ตรงกับจุดประสงค์เดิมของการสร้างกลไกดังกล่าว คือ ต้องการให้มีการลงประชามติเพื่อ
ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้เขียนจะเห็นด้วยกับการน ากลไกดังกล่าวมาปรับใช้ในประเทศไทย แต่เนื่องจาก
รัฐธรรมนูญของประเทศไทยที่ผ่านมา มักจะก าหนดให้ประเทศไทยใช้รูปแบบรัฐสภาเป็นแบบสภาคู่ คือ มีทั้ง
สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ถ้าหากรัฐธรรมนูญฉบับต่อ ๆ ไปจะยังคงรูปแบบของรัฐสภาเป็นแบบสภาคู่อยู่
การให้สมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนน้อยขอให้มีการลงประชามติได้ก็คงต้องสร้างข้อจ ากัดทั้งในด้านกติกาการริเริ่ม
ให้มีการลงประชามติ และประเด็นที่จะขอประชามติ กล่าวคือ ในส่วนของการริเริ่มให้มีการลงประชามตินั้น
เพื่อให้ประเด็นที่สมาชิกรัฐสภาเสียงส่วนน้อยจะขอลงประชามติเป็นประเด็นที่มีความส าคัญต่อประชาชนอย่าง
แท้จริง ก็ควรก าหนดให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องลงชื่อรับรองด้วยเพื่อป้องกันการน ากลไกดังกล่าวไปใช้
เพื่อประโยชน์ของพรรคแต่เพียงอย่างเดียว ส่วนด้านประเด็นการขอให้มีการลงประชามตินั้น ผู้เขียนเห็นว่า
การก าหนดให้ผู้แทนเสียงส่วนน้อยขอให้มีการลงประชามติควรจะเป็นกรณีที่มีการขอยกเลิกกฎหมาย หรือการ
ให้ความเห็นชอบแก่ร่างกฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากเสียงข้างมากในรัฐสภาแล้ว แต่เป็นที่สงสัยว่าอาจ
ขัดต่อเจตนารมณ์ของประชาชน โดยต้องสร้างข้อจ ากัดที่ชัดเจน เช่น กฎหมายหรือร่างกฎหมายใดที่ต้องเป็นไป
เพื่อประโยชน์สาธารณะจริง ๆ ก็อาจต้องก าหนดห้ามไม่ให้ขอให้มีการลงประชามติแบบมีผลผูกพัน เช่น
กฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน กฎหมายเรื่องการเวนคืน (แต่อาจขอประชามติแบบไม่มีผลผูกพัน (ประชาพิจารณ์)
ได้ หรืออาจใช้กลไกอื่นในการตรวจสอบแทน) เป็นต้น
65 Thosaphon Chieocharnpraphan and Thipsarin Phaktanakul. Empowering Direct Democracy through a
Referendum to Counter-Balance the Majority in the House of Representatives of Thailand. Retrieved
September 1, 2014, from http://www.thaiworld.org/enn/thailand_monitor/answera.php?question_id=1332.
46