Page 23 - kpiebook66015
P. 23

24
               เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือเพื่อประโยชน์ส าคัญของแผ่นดิน  และรัฐธรรมนูญฉบับต่อ ๆ มา ก็จะบัญญัติ
               ข้อความในลักษณะเดียวกัน จนกระทั้งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534
               ก็ได้มีการบัญญัติเพิ่มเติมว่า

                        “กำรตอบกระทู้ถำมตำมวรรคหนึ่ง ให้ตอบในรำชกิจจำนุเบกษำ เว้นแต่เป็นกระทู้ถำมของผู้น ำฝ่ำย

               ค้ำนในสภำผู้แทนรำษฎร หรือเป็นกระทู้ถำมที่ประธำนวุฒิสภำหรือประธำนสภำผู้แทนรำษฎร แล้วแต่กรณี
               เห็นว่ำเป็นกรณีเร่งด่วน หรือเป็นประโยชน์ต่อประชำชนเป็นส่วนรวม หรือจะยังประโยชน์ให้เกิดแก่กำรบริหำร

                                                                     25
               รำชกำรแผ่นดินจะก ำหนดให้ตอบในที่ประชุมแห่งสภำนั้น ๆ ก็ได้”
                        การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวถือเป็นการก าหนดให้อ านาจในการควบคุมการบริหาราชการแผ่นดินมีเพิ่ม

               มากยิ่งขึ้น โดยส่วนใหญ่แล้ว การตั้งกระทู้ถามในช่วง พ .ศ. 2475 จนถึงก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่ง
               ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 จะมีลักษณะเป็นการถามรัฐบาลในเรื่องเกี่ยวกับการด าเนินนโยบาย
                                                              26
               เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นส าคัญ  ส่วนการอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนั้น
               พบว่าในช่วงเวลาดังกล่าวมีการขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจก็จริง แต่ก็ไม่มีการลงมติไม่ไว้วางใจ
               ครั้งใดเลยที่สามารถท าให้รัฐมนตรีพ้นจากต าแหน่งได้ แต่ในส่วนของการเปิดอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนี้

               พบว่า มีหลายครั้งที่นายกรัฐมนตรีตัดสินใจยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อมีการยื่นญัตติขอเปิดอภิปราย
                                                                                             27
               ไม่ไว้วางใจ ทั้งในสมัยรัฐบาลหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมทย์ และในสมัยของนายชวน หลีกภัย

                        อย่างไรก็ตาม การก าหนดรูปแบบของระบบรัฐสภาดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดปัญหาต่อระบบการเมือง
               การปกครองของประเทศไทย โดยปัญหาที่ส าคัญคือความมีเสถียรภาพของรัฐบาล ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญไม่ได้

               ก าหนดให้ผู้สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้องสังกัดพรรคการเมือง ท าให้เกิดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
               อิสระเป็นจ านวนมาก และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอิสระนี้ ก็มักจะรวมตัวกันเพื่อต่อรองผลประโยชน์กับ
               รัฐบาล ท าให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองเนื่องจากรัฐบาลเองก็ไม่สามารถคุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอิสระ

               เหล่านี้ได้ ส่งผลให้รัฐบาลขาดเสถียรภาพในที่สุด ดังจะเห็นได้จากกรณีที่มีการยุบสภาบ่อยครั้ง และในหลาย
                                                                             28
               กรณีก็เกิดความวุ่นวายทางการเมืองจนน าไปสู่การก่อรัฐประหารในที่สุด  ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีการประกาศใช้
               รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2517 จึงบังคับให้ผู้สมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะต้อง
               สังกัดพรรคการเมือง อันเนื่องมาจากแนวความคิดที่ว่า ถ้าหากพรรคการเมืองเข้มแข็งแล้ว พรรคการเมืองใดที่

               ชนะการเลือกตั้งโดยได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก็จะได้จัดตั้งรัฐบาล และรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นบนพื้นฐาน
               พรรคการเมืองที่เข้มแข็งนี้ ก็จะท าให้รัฐบาลเข้มแข็งมากขึ้นและสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างมี







               24  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยสยาม พุทธศักราช 2475 มาตรา 50
               25  รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2534 มาตรา 149 วรรคสอง
               26  ตระกูล มีชัย และชมพูนุท ตั้งถาวร, 2565, การศึกษาอนาคตและฉากทัศน์การเมืองไทยเพื่อสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนใน
               มิติของสถาบันการนเมือง รัฐสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา, กรุงเทพฯ : สถาบันพระปกเกล้า หน้า VI
               27  ตระกูล มีชัย และชมพูนุท ตั้งถาวร, เรื่องเดียวกัน หน้า XIV
               28  iLaw, สรุปรัฐธรรมนูญ 2560 : ให้เอกสิทธิ์งูเห่า ลดบทบาทพรรคคุม ส.ส., สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2565 จาก
               https://ilaw.or.th/node/5536?fbclid=IwAR24IBVy2TKAFmNvntSDpzeofdPEQI5JkHuMmmmboduAE5KZO0oOzzcI7V0



                                                                                                            22
   18   19   20   21   22   23   24   25   26   27   28