Page 26 - kpiebook66015
P. 26

ทั้งนี้ ในกรณีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรลาออกจากพรรคการเมืองเองนั้น จะส่งผลให้พ้นจากความ

               เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ ที่บัญญัติไว้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการบัญญัติ
               กลไกเช่นนี้ในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันจะมีลักษณะที่อาจท าให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีอิสระจากพรรค
               การเมืองของตนมากขึ้นบ้างในกรณีที่ถูกขับออกจากพรรค แต่การบัญญัติเจาะจงบังคับให้ผู้สมัครรับเลือกตั้ง

               จะต้องสังกัดพรรคก็ยังคงเป็นประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจท าให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขาดอิสระได้

                       3.2.2 การก าหนดให้รัฐมนตรีจะต้องพ้นจากต าแหน่งสมาชิกรัฐสภา

                        รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 นับเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกและฉบับเดียว
               ที่ก าหนดให้สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถด ารงต าแหน่งรัฐมนตรีในเวลาเดียวกันได้ ซึ่งแตกต่างจากรัฐธรรมนูญฉบับ

               ที่ผ่านมา ทั้งนี้ สมคิด เลิศไพฑูรย์ ได้สรุปเหตุผลส าคัญที่รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวไม่ต้องการให้ฝ่ายบริหารด ารง
               ต าแหน่งในฝ่ายนิติบัญญัติในขณะเดียวกันไว้ ดังนี้


                        “1) บทบำทของฝ่ำยบริหำรและบทบำทของฝ่ำยนิติบัญญัติ เป็นบทบำทที่ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง ฝ่ำย
               บริหำรมีหน้ำที่ในกำรบริหำรรำชกำแผ่นดิน ในขณะที่ฝ่ำยนิติบัญญัติมี่หน้ำที่ในกำรควบคุมกำรบริหำรรำชกำร
               แผ่นดิน ดังนั้น ในกรณีที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในขณะเดียวกัน ก็

               เป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลดังกล่าวจะท าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติในฐานะที่เป็นผู้ควบคุมการบริหารราชการ
               แผ่นดิน


                        2) เป็นที่ทรำบกันดีว่ำฝ่ำยนิติบัญญัติในประเทศไทยตรำกฎหมำยได้น้อยมำกในแต่ละปี แม้จะมี
               สำเหตุหลำยประกำรก็ตำม แต่เหตุผลหนึ่งก็คือ ฝ่ำยนิติบัญญัติในประเทศไทยไม่ได้ให้ควำมสนใจต่อกำรตรำ

               กฎหมำยเท่ำที่ควร ผู้ด ำรงต ำแหน่งสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรมักให้ควำมสนใจกับกำรตรำกฎหมำยค่อนข้ำงน้อย
               แต่เน้นหนักควำมสนใจของตนเองไปที่กำรเป็นฝ่ำยบริหำรคมำกกว่ำ กำรห้ำมมิให้ฝ่ำยบริหำรด ำรงต ำแหน่งเป็น
               ฝ่ำยนิติบัญญัติในขณะเดียวกันจึงเท่ำกับท ำให้ทั้งฝ่ำยบริหำรและฝ่ำยนิติบัญญัติสำมำรถทุ่มเทกำรท ำงำนของ

               ตนได้อย่ำงเต็มที่ สอดคล้องกับหลักกำร “แยกงำนกันท ำ” เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชำติเป็น
               ส่วนรวม


                        3) กำรให้ฝ่ำยนิติบัญญัติด ำรงต ำแหน่งเป็นฝ่ำยบริหำรได้ยังเป็นช่องทำงให้มีกำรแสวงหำประโยชน์
               จำกกำรเป็นรัฐมนตรี เพรำะสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรทั้งหลำยต่ำงก็มุ่งหวังว่ำตนเองจะสำมำรถรวบรวม

               คะแนนเสียงได้จ ำนวนหนึ่งเพื่อไปด ำรงต ำแหน่งรัฐมนตรีตำมโควตำ กำรห้ำมมิให้ฝ่ำยนิติบัญญัติด ำรงต ำแหน่ง
               ฝ่ำยบริหำรในขณะเดียวกันจะท ำให้สมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรตระหนักว่ำเมื่อใดก็แล้วแต่ที่ไปด ำรงต ำแหน่ง
               รัฐมนตรีจะต้องพ้นจำกกำรเป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎร และหำกมีกำรเปลี่ยนแปลงคณะรัฐมนตรีก็จะกลับมำ

               เป็นสมำชิกสภำผู้แทนรำษฎรไม่ได้จนกว่ำจะมีกำรเลือกตั้งครั้งใหม่”
                                                                      33
                        การให้เหตุผลเกี่ยวกับประเด็นที่ก าหนดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะด ารงต าแหน่งเป็นรัฐมนตรีใน

               ขณะเดียวกันไม่ได้นั้น เมื่อพิจารณาจากบริบทของต่างประเทศประกอบกับเหตุผลของสมคิด เลิศไพฑูรย์
               ดังกล่าวข้างต้นแล้ว จะเห็นว่าการก าหนดเงื่อนไขดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลที่ส าคัญสองประการ คือ





               33  สมคิด เลิศไพฑูรย์, 2547, หลักการใหม่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540



      25
   21   22   23   24   25   26   27   28   29   30   31