Page 15 - kpiebook66015
P. 15

ระบบรัฐสภาของประเทศอังกฤษซึ่งถือเป็นต้นแบบของระบบรัฐสภาในโลก ก็จะยิ่งเกิดการถกเถียงว่ารูปแบบ
                                                                              2
               การปกครองดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับหลักการแบ่งแยกการใช้อ านาจหรือไม่

                        ทั้งนี้ หลักการแบ่งแยกการใช้อ านาจได้เคยถูกกล่าวถึงโดยจอห์น ลอค (John Locke) ซึ่งกล่าวถึง
               การประนีประนอมในเรื่องเกี่ยวกับอ านาจของรัฐสภาและพระราชอ านาจของพระมหากษัตริย์อังกฤษ

               (Prerogative Power) และได้เสนอว่า ในการปกครองนั้น ควรแบ่งอ านาจออกเป็นสามส่วน คือ อ านาจนิติ
               บัญญัติ และอ านาจบริหารกิจการภายในประเทศ และอ านาจบริหารกิจการภายนอกประเทศ โดยมองว่า

               อ านาจตุลาการนั้น รวมอยู่ในอ านาจนิติบัญญัติด้วย เนื่องจากที่ผ่านมา สมาชิกสภาขุนนางมักจะด ารงต าแหน่ง
               เป็นผู้พิพากษาด้วย ท าให้ภาพการแบ่งแยกอ านาจระหว่างฝ่ายตุลาการและฝ่ายนิติบัญญัติของอังกฤษใน

               ขณะนั้นขาดความชัดเจน ซึ่งรูปแบบการปกครองของประเทศอังกฤษที่ถูกน ามาอธิบายให้เห็นผ่านหลักการ
               แบ่งแยกการใช้อ านาจนี้เป็นรูปแบบการปกครองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงหลังการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ในช่วง ค.ศ. 1688
               และหลักการดังกล่าวก็ได้ถูกน ามาอธิบายอย่างเป็นรูปธรรมโดยมองเตสกิเออร์ (Montesquieu) ซึ่งตีความ

                                                                                                      3
               เรื่องการจัดวางอ านาจในการปกครองของระบอบการปกครองในประเทศอังกฤษขณะนั้นผิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
                        ถ้าหากพิจารณาจากงานเขียนของมองเตสกิเออร์โดยตรงแล้ว มองเตสกิเออร์เองก็ไม่ได้กล่าวไว้อย่าง

               ชัดเจนโดยใช้ค าว่า “หลักการแบ่งแยกการใช้อ านาจ” แต่มองเตสกิเออร์ได้เน้นว่าในการปกครองนั้น เพื่อไม่ให้
               เกิดการใช้อ านาจตามอ าเภอใจของผู้ปกครอง จ าเป็นจะต้องสร้างระบบที่ให้ “อ านาจยับยั้งอ านาจ” (le

               pouvoir arrête le pouvoir) ทั้งนี้ การตีความระบอบการปกครองของอังกฤษในขณะนั้นอย่างเข้าใจผิด ก็
               เป็นที่มาส าคัญของการวางระบอบการปกครองในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีการยกร่างรัฐธรรมนูญใน
               สหรัฐอเมริกาและมีการน าแนวคิดของมองเตสกิเออร์มาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญโดยบัญญัติเรื่องการแบ่งแยก

                                                                         4
               การใช้อ านาจระหว่างอ านาจนิติบัญญัติและอ านาจบริหารอย่างชัดเจน  โดยถ้าหากพิจารณางานเขียนของมอง
               เตสกิเออร์แล้ว มองเตสกิเออร์ได้กล่าวว่า


                        “เมื่อใดอ ำนำจนิติบัญญัติและอ ำนำจบริหำรรวมอยู่ในบุคคลคนเดียวกัน หรือในคณะขุนนำงคณะ
               เดียวกัน เสรีภำพย่อมจะไม่มี เพรำะอำจเกรงว่ำกษัตริย์หรือคณะบุคคลนั้นอำจออกกฎหมำยแบบทรรำช

               เพื่อบังคับกฎหมำยโดยวิธีกำรแบบทรรำช

                        กรณี (เช่นนี้) จะไม่มีเสรีภำพเช่นกัน ถ้ำอ ำนำจในกำรตัดสินคดีไม่แยกออกจำกอ ำนำจนิติบัญญัติและ

               อ ำนำจบริหำร ถ้ำอ ำนำจนี้รวมเข้ำกับอ ำนำจนิติบัญญัติ อ ำนำจเหนือชีวิต และเสรีภำพของรำษฎรจะถูกใช้
               อย่ำงล ำเอียง เนื่องจำกผู้พิพำกษำจะเป็นผู้บัญญัติกฎหมำย ถ้ำอ ำนำจนี้รวมเข้ำกับอ ำนำจบริหำร ผู้พิพำกษำจะ
               มีอ ำนำจอย่ำงกดขี่








               2  Roger Masterman, 2011 The Separation of Power in Contemporary Constitution : Judicial Competence
               and Independence in the United Kingdom, UK : Cambridge University Press, p.9
               3  Karl Loewenstein, The balance between legislative and executive power : A study in comparative
               constitutional law, The university of Chicago Law Review, p. 568
               4  Ibid, p. 569



                                                                                                            14
   10   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20