Page 10 - kpiebook66015
P. 10

3. ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

                       ได้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องการตรวจสอบถ่วงดุลของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่าย
               บริหารในระบบรัฐสภาอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจขยายต่อไปยังการวางกลไกเกี่ยวกับกระบวนการนิติบัญญัติเพื่อ
               ไม่ให้ฝ่ายบริหารผูกขาดการตรากฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายเกี่ยวด้วยการเงินแต่เพียงองค์กรเดียว

               โดยการตรวจสอบถ่วงดุลและการก าหนดกลไกในข้อเสนอแนะนั้น จะต้องอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ที่ว่ายังคงต้อง
               ท าให้การบริหารราชการแผ่นดินสามารถด าเนินต่อไปได้ และภายใต้หลักการส าคัญที่ว่า อย่างน้อยที่สุด ฝ่าย

               บริหารและเสียงข้างมากในรัฐสภาเองก็มีความชอบธรรมในการด าเนินนโยบายเนื่องจากได้รับความไว้วางใจ
               จากประชาชนมากที่สุด


               4. ระเบียบวิธีวิจัย รายละเอียดและขอบเขตในการด าเนินงาน
                       การศึกษาวิจัยนี้ เป็นการศึกษาวิจัยเชิงเอกสาร (Documentary Research) โดยมุ่งศึกษาถึงแนวคิด
               ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง กรณีศึกษาต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง การบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่เกี่ยวกับ

               กลไกในการสร้างระบบการตรวจสอบถ่วงดุลในระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารในระบบรัฐสภาของ
               ประเทศไทย ตลอดจนกล่าวถึงข้อเสนอแนะ เพื่อหาทางออกต่อค าถามที่ว่า จะท าอย่างไรให้เกิดการตรวจสอบ

               ถ่วงดุลระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารได้อย่างแท้จริงในระบบรัฐสภาซึ่งก าหนดให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็น
               ประมุขของฝ่ายบริหารมาจากเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร หรือก็คือ เป็นระบบที่ท าไห้ประมุขของฝ่าย

               บริหารและเสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎรเป็น “พวกเดียวกัน” โดยมีรายละเอียดที่จะกล่าวถึงในแต่ละบท
               ดังนี้

                       บทที่ 1 : จะเป็นการกล่าวถึงระเบียบวิธีวิจัย โดยกล่าวถึงหลักการและเหตุผลของการศึกษาวิจัยนี้ ว่า

               เกิดจากการปรับใช้การปกครองระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาแบบประเทศอังกฤษ โดยระบอบการ
               ปกครองลักษณะนี้ถูกบัญญัติขึ้นตั้งแต่การประกาศใช้พระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักร

               สยาม พุทธศักราช 2475 และบัญญัติเช่นนั้นเรื่อยมาจนปัจจุบัน หากแต่การพัฒนาการของระบบดังกล่าวใน
               ประเทศไทยท าให้เห็นช่องว่างส าคัญคือ การก าหนดให้ประมุขของฝ่ายบริหารมาจากเสียงข้างมากของสภา

               ผู้แทนราษฎร เพื่อให้ฝ่ายบริหารอยู่ได้ด้วยความไว้วางใจของรัฐสภา การก าหนดที่มาของประมุขฝ่ายบริหาร
               ดังกล่าว ก็ท าให้เสียงข้างมากของสภาผู้แทนราษฎร และฝ่ายบริหารมาจากพวกเดียวกัน ส่งผลให้อาจไม่

               สามารถควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ในความเป็นจริง ตลอดจนชี้ให้เห็นถึงค าถามส าคัญในการวิจัยที่
               งานวิจัยฉบับนี้มุ่งหาค าตอบด้วย


                       บทที่ 2 : จะเป็นการกล่าวถึงแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง โดยทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างกลไก
               ดังกล่าว คือ ทฤษฎีการแบ่งแยกการใช้อ านาจ (Separation of Powers) ของ Monterquieur ซึ่งแม้ว่าการ
               ก าเนิดขึ้นของทฤษฎีโดยนักปราชญ์ดังกล่าวจะเกิดจากความเข้าใจผิดต่อระบบและกลไกทางการเมืองการ

               ปกครองของประเทศอังกฤษก็ตาม แต่ทฤษฎีดังกล่าวก็ได้รับการยอมรับและถูกน าไปบัญญัติในรัฐธรรมนูญของ
               สหรัฐอเมริกาซึ่งถือเป็นรัฐธรรมนูญลายลักษณ์อักษรฉบับแรกของโลก อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของระบบการ

               ปกครองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยทั้งสองรูปแบบ คือ ระบบรัฐสภา และระบบประธานาธิบดี ซึ่งมีความ
               แตกต่างกันในเรื่องที่มาของฝ่ายบริหารและส่งผลต่อการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดิน ส่งผลให้เกิดการ

               ถกเถียง ตลอดจนหลายประเทศได้ปรับกลไกการปกครองให้เหมาะสมสอดคล้องกับบริบทของประเทศตนเอง




        9
   5   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15