Page 8 - kpiebook66015
P. 8

บทที่ 1

                                                          บทน า



               1. หลักการและเหตุผล


                       แนวคิดเรื่องการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่การยกร่างรัฐธรรมนูญลายลักษณ์
               อักษรฉบับแรกของโลกในประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นเป็นต้นมา การวางรูปแบบการปกครองตาม

               รัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา และการพัฒนาการของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในประเทศอังกฤษ
               ก็ส่งผลให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของโลกแบ่งออกเป็นสองระบบใหญ่ๆ คือ หนึ่ง ระบบรัฐสภา ซึ่ง
               เป็นระบบที่ประมุขของรัฐและประมุขของฝ่ายบริหารเป็นคนละคนกัน โดยก าหนดให้ประชาชนเลือกฝ่ายนิติ

               บัญญัติ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) และให้ฝ่ายนิติบัญญัติเลือกประมุขของฝ่ายบริหาร และให้ฝ่ายนิติบัญญัติ
               และฝ่ายบริหารสามารถตรวจสอบถ่วงดุลซึ่งกันและกันได้ กล่าวคือ เนื่องจากฝ่ายบริหารมีที่มาจากฝ่ายนิติ

               บัญญัติ ดังนั้น ฝ่ายนิติบัญญัติจึงสามารถควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการตั้งกระทู้ถาม
               หรือการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ และฝ่ายบริหารก็มีเครื่องมือในการถ่วงดุลกับฝ่ายนิติบัญญัติ คือ การยุบสภา
               และสอง ระบบประธานาธิบดี ซึ่งเป็นระบบที่ประมุขของรัฐและประมุขของฝ่ายบริหารเป็นคนเดียวกัน และ

               ฝ่ายบริหารไม่ได้มาจากฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยเหตุนี้ ในระบบประธานาธิบดี ประธานาธิบดีก็ไม่สามารถยุบสภาได้
               และฝ่ายนิติบัญญัติก็ไม่สามารถควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของประธานาธิบดีได้


                       ต่อมา การปกครองในระบอบประชาธิปไตยก็ได้ถูกน าไปใช้ในหลายประเทศ บางประเทศเลือกใช้
               ระบบรัฐสภาเหมือนอย่างประเทศอังกฤษ และบางประเทศก็เลือกใช้ระบบประธานาธิบดีอย่างสหรัฐอเมริกา

               อย่างไรก็ตาม แม้ว่าประเทศเหล่านั้นจะเขียนรัฐธรรมนูญโดยวางกลไกที่เหมือนกับทั้งสองประเทศ แต่ด้วย
               บริบทที่แตกต่างกัน ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เช่น กรณีของประเทศฝรั่งเศสซึ่งน าระบบรัฐสภาแบบ

               ประเทศอังกฤษมาใช้ แต่ก็ต้องประสบปัญหากับการขาดเสถียรภาพของฝ่ายบริหาร จนน าไปสู่การปรับรูปแบบ
               กลายเป็นระบบกึ่งรัฐสภากึ่งประธานาธิบดี โดยให้ฝ่ายบริหารมีทั้งประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรี และให้

               รัฐสภาสามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีได้ แต่ไม่สามารถอภิปรายไม่ไว้วางใจประธานาธิบดีได้
               เพื่อให้การด าเนินนโยบายมีความต่อเนื่อง ที่ส าคัญ หลังการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญใน ค.ศ. 2008 ได้มีการ
               เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขเกี่ยวกับกลไกการใช้อ านาจบางประการเพื่อให้ฝ่ายบริหารมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ได้แก่

               การก าหนดให้สมาชิกรัฐสภาที่ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีต้องลาออกจากการเป็นสมาชิกรัฐสภา หรือการ
               ก าหนดให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรากฎหมายได้เพียงบางเรื่องเท่านั้น เป็นต้น หรืออย่างกรณีของประเทศใน

               กลุ่มลาตินอเมริกาซึ่งเลือกใช้ระบบประธานาธิบดีเหมือนอย่างสหรัฐอเมริกา ก็ได้ประสบปัญหาในการบริหาร
               ราชการแผ่นดิน กล่าวคือ หลายประเทศในลาตินอเมริกามีพรรคการเมืองหลายพรรค ไม่ได้มีสองพรรคเหมือน

               อย่างสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ช่วง ค.ศ. 1960-1970 ได้เกิดวิกฤตทางการเมืองขึ้น เนื่องจากฝ่ายนิติบัญญัติและ
               ฝ่ายบริหารมีที่มาที่แตกต่างกัน จึงมีหลายครั้งที่ประธานาธิบดีขาดเสียงข้างมากในรัฐสภาและไม่สามารถ

               บริหารราชการแผ่นดินอย่างราบรื่นได้ อีกทั้งระบบประธานาธิบดีก็ออกแบบมาให้ต่างฝ่ายต่างท าให้อีกฝ่ายพ้น
               จากต าแหน่งไม่ได้แม้ว่าจะเกิดการไม่เห็นพ้องต้องกันอย่างมาก ท าให้หลายประเทศในลาตินอเมริกาปรับกลไก





        7
   3   4   5   6   7   8   9   10   11   12   13