Page 22 - kpiebook66013
P. 22
การศึกษาบทบัญญัติกฎหมายแรงงานไทยจึงจ�าเป็นต้องก�าหนด
ประเด็นของเรื่องที่จะศึกษาแล้วพิจารณาว่าเรื่องนั้นมีพระราชบัญญัติเฉพาะเรื่อง
เกี่ยวข้องโดยตรงหรือไม่ หากมีก็อาจเริ่มศึกษาจากบทบัญญัตินั้นว่ามีประเด็นใด
ที่ไม่สอดรับกับหลักการและแนวปฏิบัติสากลโดยเฉพาะส่วนที่ประเทศไทยมีหน้าที่
31
โดยพันธกรณีระหว่างประเทศ ที่ต้องปฏิบัติอย่างมิอาจเลี่ยงได้ ตลอดจนเนื้อหา
ส่วนใดที่ยากต่อการน�าไปปฏิบัติให้เกิดสัมฤทธิ์ผลอันเนื่องมาจากเนื้อหาของ
กฎหมายที่ปรากฏยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์หรือขาดกลไกในการบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม
หากไม่ปรากฏพระราชบัญญัติเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ก็ต้องพิเคราะห์
หาบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรืออาจเกี่ยวข้องอันน�ามาใช้เป็นตัวแปรในการแสวงหา
แนวทางในการพัฒนาปรับปรุงกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการจ้างแรงงานในประเด็นนั้นๆ
ต่อไป
(ค) กฎหมายล�าดับรอง
32
ความเป็นกฎหมายที่มีพลวัตของกฎหมายแรงงาน ท�าให้ประสิทธิภาพ
ในการบังคับใช้กฎหมายแรงงานจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกฎหมายล�าดับพระราชบัญญัติ
ให้อ�านาจแก่ฝ่ายบริหารหรือองค์กรด้านแรงงานในการออกกฎเกณฑ์ล�าดับรอง
ที่ก�าหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการ อันเป็นรายละเอียดของพระราชบัญญัติ
ท�าให้มีกลไกและเครื่องมือในการน�าเนื้อหาของพระราชบัญญัติไปใช้ปฏิบัติงาน
ได้อย่างเป็นรูปธรรมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่ผันแปรอยู่
อย่างต่อเนื่องตามกระแสการเมืองภายในและบริบทแวดล้อมสากล นอกจากนี้แล้ว
31 พันธกรณีระหว่างประเทศดังกล่าว อาจจ�าแนกออกเป็น 3 กรณี ได้แก่ กรณีแรก เรื่องที่
ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญา หรือรับเอาข้อแนะขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ
กรณีที่สอง เรื่องที่ประเทศไทยเข้าผูกพันกติกาสากลที่เป็นเรื่องส�าคัญและจ�าเป็นตามนัยของ
สหประชาชาติ เช่น การรับเอาแนวทางในการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) มาใช้บังคับปฏิบัติกับ
กิจการต่างๆ ในประเทศ และกรณีที่สาม เรื่องที่ประเทศไทยได้ท�าสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
ทั้งในระดับทวิภาคี และพหุภาคี เพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะต่างๆ เช่น การจัดท�าข้อตกลง
ทางการค้า (FTA) (ผู้เขียน)
32 ศุภศิษฏ์ ทวีแจ่มทรัพย์, หน่วยที่ 1 หลักการของกฎหมายแรงงานและสัญญาจ้าง
แรงงาน, (นนทบุรี :mโรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช), 2564, หน้า 1-48.
22 การปรับปรุงกฎหมายแรงงาน
ภายใต้โครงการศึกษาวิเคราะห์ร่างกฎหมายและกฎหมายที่มีผลใช้บังคับอยู่