Page 69 - kpiebook66004
P. 69

69



            ของความเป็นประชาชนดังกล่าว ก็กลับัมิใช่เส้นแบั่งแนวดิ�งที�ขั�วการเมืองตามคู่ขัดแย้งชุดเดิมใช้ (เช่นการแบั่งแยก

            เป็นฝ่่ายเสื�อเหลืองและฝ่่ายเสื�อแดง) แต่จะเป็นเส้นแบั่งแนวนอนซึ�งตั�งอยู่บันความสัมพิันธิ์์ทางชนชั�นระหว่าง
            ประชาชนซึ�งก็คือผู้คน 99 เปอร์เซ็นต์ของประเทศู กับัชนชั�นนำผู้เป็นเพิียงคนจำนวน 1 เปอร์เซ็นต์ของประเทศู

            ดังที�ปิยบัุตรได้กล่าวเน้นเรื�องนี�เอาไว้อย่างชัดเจนว่า



                        “เราแบั่งครึ�งผ่ากลางประชาชนให้แยกเป็นสองสีแบับันี�ไม่ได้ ต้องตัดแบั่งตามแนวขวาง นิยามกันใหม่

                 ว่า “เรา” คือใคร “เขา” คือใคร ไม่ว่าชาวนา ชาวประมง คนชนบัท คนเมือง คนชั�นกลางระดับัล่าง คนชั�นกลาง

                 หรือแม้กระทั�งมนุษย์ออฟฟิศู ข้าราชการประจำ ครู นัก ธิ์ุรกิจ ผู้ประกอบัการ สตาร์ตอัป เอสเอ็มอี แรงงาน
                 ทุกคนมีปัญหาของตัวเองเต็มไปหมด และมีความแตกต่างหลากหลายอยู่ในนั�น มันต้องสร้างห่วงโซ่แห่งการ

                 เชื�อมโยงปัญหาของคนทุกกลุ่มให้มาเทียบัเท่ากันให้ได้ ชี�ให้เห็นถึงปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศูไทยแล้ว

                 หลอมรวมความต้องการของคนทั�งสังคมเหล่านี�มาชนกับัชนชั�นนำกลุ่มคน 1% ที�ดูดซับัเอาทรัพิยากร อำนาจ
                 และทุนของประเทศูไว้อยู่กระจุกเดียว ส่วนคนที�เหลือไม่ว่าคุณีจะชอบัสีไหน เชียร์พิรรคไหน ต่างก็ต้องลำบัาก

                 ด้วยกันหมดทั�งสิ�น ในขณีะที�คนชนชั�นนำ 1% นั�น ไม่ว่ารัฐบัาลจะมาจากการเลือกตั�งหรือกองทัพิ เขาก็อยู่ได้

                 เหมือนเดิมตลอด ไม่มีอะไรเปลี�ยนแปลง” 204



                    การก่อร่างสร้างประชาชนของพิรรคอนาคตใหม่ การก่อร่างที�มุ่งผสานเชื�อมโยงกลุ่มคนต่าง ๆ (ทั�งผู้ที�

            สังกัดกลุ่มเสื�อเหลืองและผู้ที�สังกัดกลุ่มเสื�อแดง) ให้มีอัตลักษณี์ร่วมกันผ่านการสร้างปรปักษ์ร่วมของทุกฝ่่าย จึง
            เป็นสิ�งที�แยกไม่ขาดไปจากการต่อต้านกลุ่มชนชั�นนำหรืออภิสิทธิ์ิ�ชนที�ตั�งตัวอยู่สูงกว่าบัุคคลทั�วไป ด้วยเหตุที�

            กลุ่มคนเหล่านี�คือต้นตอแห่งความเหลื�อมล�ำที�คอยดูดกลืนทรัพิยากรต่าง ๆ ของประเทศูไปเป็นฐานสั�งสมความ มั�งคั�ง

            และอำนาจที�เหนือกว่า ดังนั�น “ประชาชน”ที�พิรรคอนาคตใหม่สร้างและเสนอตัวเป็นภาพิตัวแทนให้ จึงเป็น
            ประชาชนที�ต้องต่อต้านอภิสิทธิ์ิ�ชนเสมอ หรือก็คือเป็นประชาชนที�ตั�งคำถาม พิร้อมท้าชนกับัความบัิดเบัี�ยวของ

            สังคมการเมืองที�เอื�อประโยชน์ให้กับัชนชั�นนำและอภิสิทธิ์ิ�ชนอย่างไม่ลดละ กล่าวอย่างถึงที�สุด การก่อร่างสร้าง

            ประชาชนขึ�นมาใหม่ตามแนวทางของพิรรคอนาคตใหม่ (ซึ�งได้รับัแรงบัันดาลใจมาจากข้อเสนอทางทฤษฎี
            ของลาคลาวและมูฟ) จะไม่ใช่อะไรเลยนอกจากการสลายความเป็นปรปักษ์ที�กำหนดเนื�อหาความขัดแย้งทาง

            การเมืองของไทยแต่เดิมอย่างเสื�อเหลือง/เสื�อแดง ด้วยการผสานเชื�อมโยงทั�งสองขั�วการเมืองเข้าไว้ด้วยการภายใต้

            คำว่า “ประชาชน” พิร้อม ๆ กับันิยามปรปักษ์ร่วมของทั�งสองฝ่่าย ว่าคือความเหลื�อมล�ำและชนชั�นนำ/อภิสิทธิ์ิ�
            ชนผู้อยู่เบัื�องหลังความเหลื�อมล�ำดังกล่าว

                    จากตรงนี� จึงเป็นที�ชัดเจนว่าการนิยามปรปักษ์ของประชาชนว่าคือพิวกอภิสิทธิ์ิ�ชนหรือชนชั�นนำที�อยู่เบัื�องหลัง

            ความเหลื�อมล�ำนั�น จะสอดคล้องเข้ากันพิอดีกับัวาระทางการเมืองของพิรรคอนาคตใหม่อย่างการต่อต้าน
            รัฐประหารและเสริมสร้างการปกครองในระบัอบัประชาธิ์ิปไตยอย่างยั�งยืน เพิราะถ้าจุดยึดทางอัตลักษณี์ที�พิรรค

            อนาคตใหม่ใช้เป็นแกนกลางทางยุทธิ์ศูาสตร์ของตนคือการสร้างประชาชนที�วางอยู่บันความสัมพิันธิ์์ที�เท่าเทียมกัน

            การรัฐประหารโดยเหล่าอภิสิทธิ์ิ�ชนก็ย่อมจะเป็นสิ�งที�ไม่สามารถยอมรับัได้ ดังคำปราศูรัยของปิยบัุตรในงานแถลง
            นโยบัายของพิรรคอนาคตใหม่เมื�อปี พิ.ศู.2561 ที�ว่า:



            204  เพิิ�งอ้าง
   64   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74