Page 38 - kpiebook66004
P. 38

38



                   สิ�งเหล่านี�จึงแสดงให้เห็นถึงการจ่ายภาษีที�ไม่ยุติธิ์รรมและความเหลื�อมล�ำระหว่างผู้มีรายได้สูงและต�ำของสเปน

            ทำให้พิรรคโปเดมอสเห็นถึง “ชนช้�นสููงที่่�เอาเปรี่ยบ” กับั “ปรีะชาชนผูู้�ที่่�ถููกเอาเปรี่ยบ” เป็นคู่ตรงข้ามกัน แน่นอนว่า
            เมื�อพิูดถึงประชาชนที�ถูกเอาเปรียบั จึงไม่ได้มีการแบั่งแยกว่าเป็นประชาชนกลุ่มใด มีอุมดมการณี์ทางการเมือง
            ซ้ายหรือขวา หรือเป็นเพิศูใด เพิราะหากเอารายได้เป็นตัวตั�ง ผู้ที�มีรายได้น้อยทั�งหมดจึงถูกเอาเปรียบัจากกลุ่ม

            คนรวย ดังนั�น กลุ่มคนรวยที�เป็นส่วนน้อย แต่ถือครองทรัพิยากรอยู่มาก และยังไม่ได้มีการจ่ายภาษีอย่างเป็นธิ์รรม
            จึงเป็นคู่ตรงข้ามกับัประชาชนผู้ถูกเอาเปรียบั การเปลี�ยนแปลงสู่คู่ตรงข้ามใหม่ ที�ศูัตรูของประชาชนคือชนชั�นสูง

            จึงเรียกได้ว่าเป็น nodal point หรือจุดที�ความหมายใหม่ที�เป็นกระแสหลักของสังคมนั�นกลายเป็นความคิดที�
            ครอบังำ  ในสเปน ซึ�งโปเดมอสเชื�อว่าภารกิจของพิวกเขาคือการสลาย nodal point เก่า เพิื�อทำให้ความคิด
                   100
                                    101
            แบับัใหม่เข้าครอบังำแทนที�  เช่น การตีความหมายของชาติใหม่ ที�ไม่ใช่แบับัฝ่่ายขวาที�มุ่งอนุรักษ์สิ�งต่าง ๆ ให้
            เป็นแบับัเดิม แต่ชาตินั�นหมายถึงสำนึกร่วมของประชาชน ชาติจึงจะขาดประชาชนไม่ได้ และการปกครองโดย

                                                                                                           102
            ประชาชนนั�นก็คือประชาธิ์ิปไตยนั�นเอง “ฝ่่ายซ้าย” ในที�นี�จึงไม่จำเป็นต้องอยู่ตรงข้ามกับัความเป็นชาตินิยม
            เป็นต้น การสร้างจุดเปลี�ยนที�เป็น nodal point จึงเป็นสิ�งสำคัญในการสร้างการเมืองแบับัประชานิยมในการ
            เอาชนะคู่ตรงข้าม

                   พิรรคโปเดมอสจึงหยิบัยกเอาทฤษฎีอำนาจนำ และทฤษฎีประชานิยมฝ่่ายซ้ายมาประยุกต์ใช้เป็น
            ยุทธิ์ศูาสตร์ของพิรรคในการในมองการเมืองของสเปน และรวบัรวมประชาชนมาเพิื�อเปลี�ยนแปลงให้รัฐมีความ

            เป็นประชาธิ์ิปไตยมากขึ�น และสามารถที�จะทำให้ระบับัเศูรษฐกิจมีความเป็นธิ์รรมกับัประชาชนได้มากขึ�น



                   3.3.1 ซ้้าย/ขวิา vs ประช้าช้น/ช้นช้ั�นสูง
                   การแบั่งขั�วทางการเมืองเป็นซ้ายและขวานั�น ทางพิรรคโปเดมอสเห็นว่าเป็นการแบั่งคู่ตรงข้ามแบับัเดิม

            แต่ไม่ได้หมายความว่า พิวกเขาปฎิเสธิ์ว่าคู่ตรงข้ามแบับัซ้ายและขวานั�นไม่มีอีกต่อไป ซึ�งด้าน Errejón ได้อธิ์ิบัาย
            ในบัทสนทนาของเขากับัชองตาล มูฟ ว่า การแบั่งขั�วแบับัซ้าย/ขวานั�น แน่นอนว่ายังมีอยู่ทั�วไปเช่นในยุโรป แต่
            ไม่ใช่ในกรณีีของสเปน ซึ�งหากพิยายามจะทำความเข้าใจการเมืองสเปนแล้วใช้กรอบัคิดแบับัซ้าย/ขวาแล้ว ก็จะ

            ไม่มีทางเข้าใจ เพิราะภูมิทัศูน์ทางการเมืองของสเปนนั�นเปลี�ยนไป จุดยืนทางการเมืองของคนไม่ได้หยุดนิ�งอีกต่อไป
            ไม่ว่าจะเป็นซ้ายหรือขวา และ ความเป็น “ประชาธิ์ิปไตย” นั�นถูกขโมยไปโดยกลุ่มคนเพิียงเล็กน้อยที�อยู่ด้านบัน

            (oligarch— หรือพิวกคณีาธิ์ิปัตย์)  กล่าวคือ ไม่ว่าจะเป็นซ้ายหรือขวา แต่ก็คือประชาชนหรือพิลเมือง ที�ถูกขโมย
                                         103
            อำนาจจากชนชั�นสูง แนวหน้าทางการเมืองที� Errejón คิดว่าเป็นคู่ตรงข้ามทางการเมืองใหม่ของสเปนจึงคือ

            ประชาชน/ชนชั�นสูง หรือ citizen/casta  ซึ�ง casta นั�นตรงกับั caste ในภาษาอังกฤษ ซึ�งหมายถึงวรรณีะ หรือ
                                               104
            ฐานะ/สถานภาพิทางสังคม ซึ�งหมายถึงผู้ที�มีสถานภาพิทางสังคมในชั�นที�สูงกว่าประชาชนทั�วไป (และยังเป็นชื�อที�

            ได้มาตั�งแต่การเปลี�ยนผ่านสู่ประชาธิ์ิปไตยของสเปนในปี 1978 ซึ�งหมายถึงชนชั�นสูงทั�งในแง่ของเศูรษฐกิจ
            การเมือง และวัฒนธิ์รรม ) จุดนี�จึงอาจเปรียบัเทียบัได้กับั 99% vs 1% ที�เป็นการต่อสู้ระหว่างผู้ที�มี
                                   105


            100  Laclau and Mouffe, Hegemony and Socialist Strategy, 112.
            101  Errejón and Mouffe, Podemos, 40.
            102  Ibid., 87.
            103  Ibid., 117–19.
            104  มีการใช้คำที�แตกต่าง ที�สื�อถึงประชาชนตัวเล็ก มาเป็นคู่ตรงข้ามกับัชนชั�นสูงที�เป็นยักษ์ตัวใหญ่ อย่างเช่น new/below/
            democracy vsold/above/oligarcy ดู Óscar García Agustín and Marco Briziarelli, eds., Podemos and the New Political
            Cycle: Left-Wing Populism and Anti-Establishment Politics, 1st ed. 2018 edition (Palgrave Macmillan, 2017), 53–54.
            105  Franzé, ‘The Podemos Discourse’, 52.
   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42   43