Page 43 - kpiebook66004
P. 43
43
เป็นประชาชนที�ถูกเอาเปรียบั/กดขี� โดยชนชั�นสูงเหมือนกัน นั�นยังมีองค์ประกอบัที�ร่วมกันอยู่ และยังสามารถ
แสดงให้ประชาชนเหล่านั�นเห็นปัญหาและเปลี�ยนมาอยู่ในแนวหน้าทางการเมืองเดียวกัน แม้จะมีความแตกต่าง
133
ในด้านต่าง ๆ นี�จึงเป็นเหตุที� มูฟ ยังคงเน้นย�ำเรื�องของการเมืองที�เป็นพิหุนิยม เพิื�อที�จะสามารถดึงประชาชน
มาเป็นพิวกให้ได้มากที�สุด จึงจะสามารถต่อสู้กับัชนชั�นสูงที�ถืออำนาจอยู่ได้ ในแง่นี� ในทางปฏิิบััติความขัดแย้งใน
รูปแบับั agonism จึงมีความยืดหยุ่นมากกว่า ซึ�งช่วงหลังวิกฤตเศูรษฐกิจในปี 2008 ซึ�งเป็นผลกระทบัโดยตรง
จากความล้มเหลวของการดำเนินนโยบัายแบับัเสรีนิยมใหม่ จึงต้องหาวิธิ์ีที�เป็นปฏิิบััตินิยมมากที�สุด
ซึ�งในที�นี� โปเดมอสจึงให้ความสำคัญกับัคู่ตรงข้ามที�เป็น agonism ในช่วงที�ก่อตั�งพิรรคมากกว่า เพิราะ
ในก่อนหน้าที�โปเดมอสจะมาเป็นพิรรคการเมืองการเคลื�อนไหวของโปเดมอสซึ�งเชื�อว่าการเปลี�ยนผ่านสู่
ประชาธิ์ิปไตยในปี 1978 นั�น เป็นการเปลี�ยนแปลงสู่ประชาธิ์ิปไตยที�ถูกขโมย (hijack) โดยระบัอบั ’78 ซึ�งเป็น
เสมือนการรับัไม้ต่อจากระบัอบัฟรังโก้ ที�สุดท้าย สเปนก็ยังปกครองด้วยชนชั�นสูงอยู่ดี ประชาธิ์ิปไตยจึงจะเกิด
134
ได้ก็ต่อเมื�อสเปนนั�นเป็นอิสระต่อระบัอบั ’78 ดังกล่าว จากนั�นเมื�อมีรัฐธิ์รรมนูญ การเมืองของสเปนก็กลายเป็น
การเมืองที�แบั่งคู่ตรงข้ามแบับัซ้ายและขวา จึงทำให้เหล่าชนชั�นสูงที�กุมอำนาจที�แท้จริงยังอยู่ได้โดยไม่มีผลกระทบั
โปเดมอสจึงต้องการแสดงให้เห็นถึงปัญหาที�แท้จริงของการเมืองสเปน คือต้องทำให้สเปนเป็นประชาธิ์ิปไตยให้
มากยิ�งขึ�น อำนาจอธิ์ิปไตยจึงต้องเป็นของประชาชน โครงการการเมืองของโปเดมอสจึงคือ การสร้างคู่ตรงข้ามใหม่
ระหว่าง ประชาชนและชนชั�นสูง และทำให้ประชาชนมีอำนาจนำเพิื�อให้อำนาจเป็นของประชาชนที�แท้จริง และ
135
เป็นการทวงคืนอำนาจจาก “พิวกเขา” ซึ�งก็หมายถึงชนชั�นสูงที�เป็นผลผลิตจากระบัอบั ’87 เป็นต้นมา การเคลื�อนไหว
ของโปเดมอสตั�งแต่ขบัวนการ 15-M จึงเป็นการท้าทายต่อกลุ่มชนชั�นสูงที�เป็นอำนาจเก่า โดยการชุมนุมประท้วง
ซึ�งเป็นการท้าทายแบับั antagonism ที�พิยายามจะเปลี�ยนแปลงระเบัียบัทางการเมืองของสเปน และทำให้ชุมชน
ทางการเมืองของสเปนมีความกระตือรือร้นทางการเมืองมากขึ�น 136
จากนั�นเมื�อก่อตั�งเป็นพิรรคการเมืองแล้ว ความขัดแย้งแบับั antagonism ก็ได้เปลี�ยนเป็น agonism
ความสัมพิันธิ์์กับัคู่ขัดแย้งแบับัศูัตรูก็ได้เปลี�ยนเป็นการแข่งขันแบับัมิตรภาพิ โปเดมอสได้มีการปรับัตัวเพิื�อ
ให้การต่อสู้นั�น สามารถดำรงอยู่ในระเบัียบัทางการเมืองของสเปนได้มากขึ�น กล่าวคือ จากการเคลื�อนไหวทางสังคม
ในรูปแบับัการชุมนุมประท้วง มาเป็นรูปแบับัทางสถาบัันทางการเมือง และยังเป็นสถาบัันทางการเมืองที�ถูกก่อตั�งใน
ยุคระบับั ’78 อีกด้วย ซึ�ง Javier Franzé ได้เสนอว่าการปรับัตัวเข้าสู่ agonism ของโปเดมอสนั�นมี 4 ระยะ คือ
ระยะที� 1 การยอมรับัสถาบัันที�ถูกก่อตั�งขึ�นในปี 1978 แม้ว่าจะเป็นการยอมรับัความชอบัธิ์รรมของการ
มีอยู่ของสถาบัันเหล่านั�น แต่โปเดมอสก็ยังต้องการการเปลี�ยนแปลง 137
ระยะที� 2 การเปลี�ยนผ่านในปี 2015 –2016 ที�โปเดมอสนั�นได้มีส่วนร่วมในรัฐบัาลระดับัภูมิภาคของ
สเปน Iglesias ยังกล่าวว่านี�เป็นการเปลี�ยนผ่านไปสิ�งที�ทันสมัยขึ�น เป็นประชาธิ์ิปไตยมากขึ�นของสเปน ที�เป็น
ผลมาตั�งแต่ขบัวนการ 15-M และนอกจากนี�โปเดมอสยังทำได้รับัคะแนนมาเป็นอันดับั 3 ของการเลือกตั�งทั�วไป
ในเดือนธิ์ันวาคม 2015 ซึ�งเป็นการทำให้ระบับัการเมืองสองพิรรคจบัลง ประกอบักับัการเสนอแก้ไขรัฐธิ์รรมนูญ
ซึ�งเป็นการประนีประนอม เพิื�อให้สถาบัันทางการเมืองต่าง ๆ นั�นสามารถเข้ากันได้กับัความต้องการของประชาชน
เพิื�อทวงคืนอำนาจของประชาชน 138
133 Errejón and Mouffe, Podemos, 32, 116, 120–21.
134 Franzé, ‘The Podemos Discourse’, 55.
135 Ibid., 56.
136 Ibid., 58.
137 Ibid., 61–62.
138 Ibid., 63.