Page 44 - kpiebook66004
P. 44

44



                   ระยะที� 3 ในการเลือกตั�งในเดือนมิถุนายน 2016 ที�โปเดมอสได้ความร่วมมือกับั IU ซึ�งไม่ได้มีแนวทาง

            และอุดมการณี์ที�เหมือนกับัโปเดมอส แต่การเข้าร่วมเพิื�อสร้างแนวหน้าทางการเมืองเพิื�อบัรรลุวัตถุประสงค์
            ยังมีการต่อรองเพิื�อร่วมรัฐบัาลกับัพิรรค PSOE  ฉะนั�น ความร่วมมือของพิรรคในเฉดซ้ายของสเปนนี� จึง
                                                      139
            เป็นการลดระดับัอัตลักษณี์ของตนเองเพิื�อร่วมมือเพิื�อให้เป้าหมายลุล่วง
                   ระยะที� 4 เป็นการจบัสงคราม ซึ�งเข้าสู่ภาวะ agonism ที�มากที�สุด มีการอภิปรายกันในพิรรคเพิื�อ

            ประนีประนอมกันดังที�ได้กล่าวไป และปรับัขบัวนพิรรคให้สามารถดึงและรวบัรวมประชาชนกลุ่มต่าง ๆ ให้เข้ามาอยู่
            ในแนวหน้าได้มากขึ�น และแน่นอนว่า เมื�อต้องการละทิ�งคู่ตรงข้ามเก่าแบับัซ้ายและขวาไป เพิื�อมาเป็นคู่ตรงข้าม

            แบับับันและล่าง อัตลักษณี์ของโปเดมอสจึงไม่ใช่สังคมนิยมประชาธิ์ิปไตย หรือประชานิยมฝ่่ายซ้าย แต่เป็นเพิียง
            แค่ “ประชานิยม” เท่านั�น 140

                   จะเห็นได้ว่า ระหว่างทางที�โปเดมอสได้เดินทางมาตั�งแต่ก่อนตั�งพิรรคจนถึงปัจจุบััน หากมองในแง่ของ
            การสร้างคู่ตรงข้ามที�มีการเปลี�ยนแปลงไปในทางที�ประนีประนอมมากขึ�น จะเห็นได้ว่า การพิยายามที�จะ

            ทำการเปลี�ยนแปลงนั�นจะต้องอาศูัยความร่วมมือจากหลายฝ่่าย ทั�งในส่วนของภาคประชาชนที�เป็นฐานเสียงเอง
            และเกมการเมืองในสภา จึงเป็นธิ์รรมดาที�จะต้องลดระดับัของความสุดขั�วในอุดมการณี์ลงไป แต่ในขณีะเดียวกัน

            ก็อาจทำให้สูญเสียฐานเสียงของประชาชนที�เคยเป็นผู้สนับัสนุนมาก่อน การเป็นพิรรคการเมืองลูกผสมจึงต้อง
            รักษาสมดุลในส่วนนี� การเลือกที�จะสร้างคู่ขัดแย้งใหม่ในรูปแบับัล่างและบัน หรือประชาชนและชนชั�นสูงดังกล่าว

            จึงต้องมีความเป็นความขัดแย้งแบับั agonism ซึ�งเปิดโอกาสให้คนที�อยู่ในอีกฟากฝ่ั�งหนึ�งของคู่ขัดแย้งนั�นสามารถ
            เปลี�ยนมาอยู่ในฟากฝ่ั�งของประชาชนได้ คู่ขัดแย้งที�จำเป็นต่อการสร้างแนวหน้าของประชาชนคือคู่ขัดแย้งที�ไม่ได้

            สู้กันเพิื�อกำจัดอีกฝ่่ายหนึ�งให้สิ�นซาก แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ฝ่่ายตรงข้ามสามารถเรียนรู้ และตัดสินใจและ
            พิิจารณีา และสามารถเปลี�ยนมาเป็นมิตรได้ในที�สุด



                   3.4 บัทสรุปและบัทเรียนจัากโปเดมอุส

                   แม้ว่าพิรรคโปเดมอสของสเปนนั�น ได้นำแนวคิดประชานิยมฝ่่ายซ้าย มาปรับัใช้ในเชิงยุทธิ์ศูาสตร์ ตั�งแต่
            การทำให้ประชาชนตื�นตัวกับัการเมือง การสร้างฐานความนิยมจากประชาชน และก่อตั�งเป็นพิรรคการเมืองเมื�อ

            สถานการณี์สุกงอม เพิื�อบัรรลุเป้าหมายของการสร้างประชาธิ์ิปไตยที�หยั�งรากลึก แต่สุดท้ายโปเดมอสนั�นไม่ได้
            ให้ความสำคัญของการเป็นฝ่่ายซ้ายมากเท่าใด เพิราะโปเดมอสเชื�อว่าการใช้นามว่าฝ่่ายซ้ายนั�นจะทำให้การสร้าง

            คู่ตรงข้ามใหม่นั�น ตกลงไปอยู่ในวังวนของความขัดแย้งเก่า หรือคู่ขัดแย้งแบับัซ้าย/ขวา สิ�งที�โปเดมอสเชื�อคือการ
            คู่ขัดแย้งแบับับัน/ล่าง หรือประชาชน/ชนชั�นสูง ซึ�งเป็นคู่ขัดแย้งที�เป็นคู่ขัดแย้งที�แท้จริงในบัริบัททางการเมืองของ

            สเปน หลังจากการเปลี�ยนแปลงการปกครองและได้รัฐธิ์รรมนูญในปี 1978 สเปนยังไม่เป็นประชาธิ์ิปไตยที�แท้จริง
            ดังนั�น ภารกิจที�โปเดมอสเชื�อว่าสำคัญกว่า คือ โครงการครองอำนาจนำทางการเมืองของสเปน และทำให้

            ประชาธิ์ิปไตยหยั�งรากลึกในสังคมสเปน เพิียงแต่อาศูัยทฤษฎีของลาคลาว และ มูฟเท่านั�น
                   แต่เมื�อลงมือใช้ทฤษีดังกล่าวในการปฏิิบััติ ก็พิบัว่ามีปัญหามากมายที�ในทางปฏิิบััตินั�นไม่สามารถจะ

            ให้ผลลัพิธิ์์ได้ตามที�ทฤษฎีคาดหวัง อีกทั�งการเปลี�ยนแปลงจากการเคลื�อนไหวทางสังคม ในรูปแบับัต่าง ๆ มา
            เป็นการเคลื�อนไหวในรูปแบับัสถาบัันทางการเมืองอย่างพิรรคการเมือง ในรูปแบับัพิรรคการเมืองลูกผสมนั�น

            ก็พิบัปัญหาทั�งภายในและภายนอก กล่าวคือ ภายในการจัดการภายในพิรรค ซึ�งมีรูปแบับัในแบับัขององค์กร



            139  Ibid., 64.
            140  Ibid., 65.
   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49