Page 37 - kpiebook66004
P. 37

37



                   ดังนั�น การเปลี�ยนแปลงจากการเคลื�อนไหวทางสังคม ซึ�งเป็น anti-establishment politics หรือการเมือง

            ที�ต่อต้านแนวทางสถาบััน มาสู่แนวทางของสถาบัันทางการเมืองอย่างพิรรคการเมืองนั�น จึงเป็นภารกิจที�ท้าทาย
            และทำให้เกิดปัญหาตามมาเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า แม้ว่า Iglesias นั�นเสนอแนวทางที�รวมศููนย์อำนาจของพิรรค
            ไว้ที�ศููนย์กลางของพิรรค แต่สิ�งนั�นก็ได้ถูกรับัรองโดยเสียงการลงคะแนนในสมัชชาพิลเมืองของพิรรคไม่ใช่หรือ

            การชนะเสียงในรูปแบับัของประชามติในลักษณีะนี� จึงเป็นความชอบัธิ์รรมของ Iglesias ที�ได้รับัการเห็นชอบัจาก
            ที�ประชุมดดังกล่าว แต่แน่นอนว่าก็จะมีเสียงวิพิากษ์วิจารณี์ว่าการบัริหารจัดการแบับันี�ไม่เป็นประชาธิ์ิปไตย และ

            ละเลยเสียงของผู้ที�อยู่ข้างล่าง ซึ�งไม่เป็นไปตามหลักการของความเท่าเทียมกัน แต่แน่นอนว่าการเข้าสู่สนามของ
            สถาบัันทางการเมือง โดยเฉพิาะในระบับัรัฐสภาและพิรรคการเมืองนั�น จำเป็นที�จะต้องปรับัขบัวนของการ “ต่อสู้”

            ให้เป็นไปตามกติกาที�มีอยู่ ดังนั�น การเข้าสู่การเมืองเชิงสถาบัันจึงหลีกเลี�ยงไม่ได้ที�จะต้องมีการจัดการที�เป็น
            ลำดับัชั�น แต่การสละ/ละทิ�งการมีส่วนร่วมของมวลชนที�สนับัสนุน/ประชาชนที�มีโอกาสจะมาสนับัสนุนนั�น จะทำให้

            เกิด “ประชาธิ์ิปไตยที�แท้จริง” ที�ดึง/รวบัรวมคนทุก ๆ กลุ่มเข้ามาให้มีบัทบัาทในการเมืองแบับัที�พิรรคตั�งใจ และ
            ใช้เป็นนโยบัาย/แนวทางที�ได้กล่าวไว้ตั�งแต่แรกได้หรือไม่ เพิราะการเมืองแบับั “ประชานิยม” ที�ถูกตีความใหม่ จะ
            สำเร็จได้ก็จะต้องประกอบัด้วยการมีส่วนร่วมดังกล่าวเป็นสำคัญ  การใช้มวลชนใน “การเคลื�อนไหวทางสังคม” มาเป็น
                                                                97
            ฐานเสียงของพิรรคการเมืองในสถาบัันทางการเมือง จึงไม่ได้เรื�องที�ง่าย และสามารถเปลี�ยนผ่านได้อย่างลงตัว แม้ว่า
            การพิยายามที�จะเป็น “พิรรคลูกผสม” ดังที�ได้กล่าวไป ก็ยังไม่สามารถหาจุดที�สมดุลระหว่างทั�งสองอย่างได้

                   สุดท้าย จึงอาจต้องกลับัไปมองเพิียงผลลัพิธิ์์สุดท้าย— โดยที�อาจต้องยอมปิดตาข้างเดียวเพิื�อให้ไม่เห็น
            วิธิ์ีการที�ไม่เป็นประชาธิ์ิปไตยของการบัริหารจัดการ— ของขบัวนการประชานิยมแบับัซ้ายกังที�ได้กล่าวมา ว่าจะ

            สามารถรวบัรวมความต้องการของประชาชน ให้ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจนำ และทำให้ประชาธิ์ิปไตยหยั�งรากลึก
            ได้หรือไม่ ซึ�งจะได้อภิปรายในหัวข้อถัดไป ว่าพิรรคโปเดมอสมีวิธิ์ีการในการสร้างคู่ตรงข้ามใหม่ เพิื�อนำไปสู่เป้าหมาย

            ดังกล่าวได้หรือไม่


                   3.3 การสร้างคู่ต์รงข้าม/ใช้้อุำนาจันำในการสลายคู่ต์รงข้ามเดิม และสร้างคู่ต์รงข้ามใหม่ได้อุย่างไร

                   แน่นอนว่าการเมืองนั�นเป็นเรื�องของการจัดปันสรรอำนาจ ไม่ว่าจะมีอำนาจในรูปแบับัไหน การต่อสู้กัน
            เพิื�ออำนาจนั�นยังคงเป็นสาระของการเมือง แต่หากกล่าวถึงการต่อสู้ ก็จะต้องมีคู่ตรงข้าม การนิยามว่าคู้ตรงข้าม

            คือใครสู้กับัใคร จึงเป็นเรื�องสำคัญ ในการเมืองแบับัประชานิยม สิ�งที�สำคัญที�สุดอย่างหนึ�งคือการสร้างคู่ตรงข้าม
            การสร้างแนวหน้า หรือฝ่่ายทางการเมืองที�มีลักษณีะเป็นพิวกเรา ปะทะ พิวกเขา (Us versus Them) การเมือง

            ประชานิยมในรูปแบับัทั�วไปอาจเป็น คนธิ์รรมดาสามัญ ปะทะ ชนชั�นสูงที�ถืออำนาจ หรือ คนดี ปะทะ คนชั�ว เป็นต้น
            แต่ในกรณีีของพิรรคโปเดมอสนั�น เป็น Pablo Iglesias ได้กล่าวว่าคนที�ปล้น “พิวกเรา” ไปก็คือ กลุ่มคนรวย

            (The Rich) ซึ�งไม่ได้จ่ายภาษีมากเท่าที�ควรจะเป็น ซึ�งในปี 2012 ผู้มีรายได้มากกว่า 300,000 ยูโรต่อปีจะต้อง
            จ่ายภาษีในอัตราสูงสุดที�ร้อยละ 52 แต่คนรวยในสเปนไม่มีใครจ่ายถึง ด้วยกลไกภาษีของสเปนที�ทำให้คนรวย
                                                                                                           98
            เหล่านั�นจ่ายภาษีน้อยลง เช่น ภาษีจากการลงทุนจะเก็บัภาษีน้อยกว่าภาษีเงินได้ และมีช่องทางในการเลี�ยงภาษี
            ขณีะเดียวกันกลุ่มคนจน (The Poor) นั�นต้องจ่ายภาษีในอัตราที�ไม่สัมพิันธิ์์กับัรายได้ที�ได้ และกลุ่มคนที�มีรายได้
            ต�ำกว่า 33,000 ยูโรต่อปี (ประมาณีร้อยละ 80 ของประชากร) นั�น มีสัดส่วนในการจ่ายภาษีถึงร้อยละ 27.3 แต่ผู้มี

            รายได้สูงกว่า 175,000 ยูโรต่อปี (ประมาณีร้อยละ 0.4 ของประชากร) มีสัดสวนในการจ่ายภาษีราวร้อยละ 16.3 99



            97 Katsambekis and Kioupkiolis, The Populist Radical Left in Europe, 67.
            98 Iglesias, Politics in a Time of Crisis.
            99 Ibid.
   32   33   34   35   36   37   38   39   40   41   42