Page 143 - kpiebook65072
P. 143
142 บทบัญญัติทางกฎหมาย เพื่อการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำาให้บุคคลสูญหาย
4.2.1.1 การพิจารณาข้อมูลจนเป็นที่พอใจ
อนุสัญญาทั้ง 2 ฉบับ ระบุในทางเดียวกันว่ารัฐมีพันธกรณีต้อง
นำาตัวบุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำาความผิดไปคุมขังไว้ หรือดำาเนินมาตรการ
ทางกฎหมายใด ๆ เพื่อป้องกันมิให้บุคคลนั้นหลบหนีไปได้ อย่างไรก็ดี อนุสัญญา
เปิดช่องให้รัฐสามารถใช้ดุลพินิจในการพิจารณาได้ว่าพฤติการณ์แวดล้อมนั้น
มีลักษณะที่บังคับ (Warrant) ให้ต้องดำาเนินการดังกล่าวหรือไม่ โดยมาตรฐาน
การใช้ดุลพินิจดังกล่าวปรากฏในข้อความที่ว่า “เมื่อเป็นที่พอใจ” ซึ่งมาจาก
คำาภาษาอังกฤษว่า “upon being satisfied” ว่าข้อมูลที่รัฐได้รับมานั้น
สมควรที่รัฐจะต้องดำาเนินการเพื่อนำาตัวบุคคลผู้ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำาความผิด
ไปคุมขังไว้ หรือดำาเนินมาตรการทางกฎหมายใด ๆ เพื่อป้องกันมิให้บุคคลนั้น
หลบหนีไปได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี มีข้อสังเกตว่ามาตรฐานที่ยึดโยงกับ “ความพอใจ” นั้น
เป็นขอบเขตการใช้ดุลพินิจที่ค่อนข้างกว้างมาก หากใช้เกณฑ์ที่หย่อนเกินไป
263
ก็จะทำาให้อาจเข้าข่ายเป็นการจับกุมคุมขังโดยอำาเภอใจก็ได้ และในทางกลับกัน
หากใช้เกณฑ์ที่สูงเกินไปก็อาจส่งผลให้เกิดข้อครหาว่าเป็นการช่วยเหลือ
เจ้าพนักงานของรัฐด้วยกันเองด้วยการไม่ดำาเนินมาตรการทางกฎหมาย ดังนั้น
ผู้ร่างฯ จึงอธิบายเพิ่มเติมว่ารัฐควรพิจารณาพฤติการณ์แวดล้อมโดยเทียบเคียงกับ
เงื่อนไขหรือทางปฏิบัติในกฎหมายภายในเพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะคุมขัง
หรือดำาเนินมาตรการทางกฎหมายใด ๆ แก่ตัวบุคคลนั้นหรือไม่ ทั้งนี้ มาตรการอื่น ๆ
นอกจากการคุมขังอาจทำาได้หลายประการ เช่น การให้ประกันตัว การยึด
เอกสารเดินทาง การกำาหนดให้ต้องรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานของรัฐเป็นระยะ
264
โดยจะต้องไม่กระทบต่อกระบวนพิจารณาสำาหรับการส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน 265
263 Supra Note 141, CAT Handbook, p. 134.
264 Supra Note 196, p.339, para. 29.
265 Supra Note 141, CAT Handbook, p. 135.
inside_ .indd 142 14/9/2565 11:15:04