Page 231 - kpiebook65043
P. 231
สรุปการประชุมวิชาการ
สถาบันพระปกเกล้า ครั้งที่ 23 231
ประชาธิปไตยในภูมิทัศน์ใหม่
(2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ
ให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ
(3) แบ่งแยกราชอาณาจักรหรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”
จากบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าการกำหนดความผิดฐานกบฏนั้น เป็นการบัญญัติ
ความผิดที่มีขึ้นเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐโดยเอาผิดผู้ที่ทำการล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลง
รัฐธรรมนูญหรือล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการ หรือทำให้องค์กรที่ใช้อำนาจ
ดังกล่าวไม่สามารถใช้อำนาจได้ แต่ปรากฏว่าทุกครั้งที่เกิดการรัฐประหาร ศาลกลับไม่เคย
บังคับใช้บทบัญญัติดังกล่าวเลย โดยศาลฎีกาได้เคยพิพากษาวางหลักว่าเมื่อคณะรัฐประหาร
ได้ทำการรัฐประหารสำเร็จก็ถือเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ดังปรากฏในคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2496
และคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2505 ดังนี้
“... ข้อเท็จจริงได้ความว่าใน พ.ศ. 2490 คณะรัฐประหารได้ยึดอำนาจการปกครอง
ประเทศได้เป็นผลสำเร็จ การบริหารประเทศชาติในลักษณะเช่นนี้ คณะรัฐประหารย่อมมี
อำนาจที่จะเปลี่ยนแปลง แก้ไขยกเลิกและออกกฎหมายตามระบบแห่งการปฏิวัติ เพื่อบริหาร
ประเทศชาติต่อไป ...” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 45/2496)
“คณะปฏิวัติยึดอำนาจการปกครองประเทศไทยได้เป็นผลสำเร็จ หัวหน้าคณะปฏิวัติ
ย่อมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบ้านเมือง ข้อความใดที่หัวหน้าคณะปฏิวัติสั่งบังคับประชาชนก็ต้อง
ถือว่าเป็นกฎหมาย” (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1662/2505)
ที่สำคัญ ปริญญายังได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นเกี่ยวกับการใช้อำนาจของคณะรัฐประหารกับ
ความมั่นคงของรัฐซึ่งได้สะท้อนให้เห็นการตรากฎหมายเพื่อเปิดช่องให้คณะรัฐประหารสามารถ
ใช้อำนาจตามอำเภอใจได้อีกด้วย โดยบทบัญญัติดังกล่าวได้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่การประกาศใช้
ธรรมนูญการปกครองแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2502 ซึ่งกำหนดให้นายกรัฐมนตรี
(ที่ในขณะบังคับใช้ธรรมนูญการปกครองนั้นนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้าคณะรัฐประหาร หรือ
บุคคลที่ถูกเลือกโดยคณะรัฐประหาร) สามารถดำเนินการอย่างไรก็ได้เพื่อรักษาความมั่นคงแห่งรัฐ
โดยบัญญัติว่า
“ในระหว่างที่ใช้ธรรมนูญนี้ ในกรณีที่นายกรัฐมนตรีเห็นสมควรเพื่อประโยชน์
ในการระงับหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของราชอาณาจักร
หรือราชบัลลังก์ หรือการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลาย ก่อกวนหรือคุกคามความสงบที่เกิดขึ้น
ภายใน หรือมาจากภายนอกราชอาณาจักร ให้นายกรัฐมนตรีโดยมติของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจ
สั่งการ หรือกระทำการใด ๆ ได้ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำเช่นว่านั้นเป็นคำสั่ง
หรือการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย” (มาตรา 17 วรรคหนึ่ง) สรุปการประชุมกลุ่มย่อยที่ 5