Page 156 - kpiebook65022
P. 156
ข้อค้นพบแนวโน้มทางวิชาการของการเมืองสิ่งแวดล้อม โดยพัฒนาการงานวิชาการมีความท้าทายมากขึ้น
เกี่ยวกับการศึกษาความซับซ้อนที่มีอยู่ในนโยบายสิ่งแวดล้อม (Fahey and Pralle, 2016)
ยกตัวอย่าง งานวิจัยเชิงส ารวจของ Vanhala จากผลงานวิจัยของวารสาร Environmental
Politics พบว่า ผู้ตีพิมพ์ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และผู้เขียนส่วนใหญ่ในห้าอันดับแรกมาจากสหราชอาณาจักร
อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และสวีเดน ทั้งนี้ งานที่ได้ตีพิมพ์ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นงานที่ได้รับทุน แต่มีแนวโน้ม
งานที่ได้รับทุนสูงขึ้นเช่นกัน จนกระทั่งในช่วงปี ค.ศ. 2016 - 2020 งานที่ได้รับทุนและไม่ได้รับทุนมีสัดส่วน
ใกล้เคียงกัน และหัวข้องานส่วนใหญ่เกี่ยวกับการเมืองสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องเกี่ยวกับนโยบาย ทฤษฎี การ
เคลื่อนไหวและพรรคการเมือง และอื่น ๆ (Meyer and Chang, 2020) ขณะที่วิธีการวิจัยด้านการเมือง
สิ่งแวดล้อม พบว่า การใช้วิธีการติดตามกระบวนการเป็นระเบียบวิธีวิจัยหนึ่งที่ใช้ในการศึกษาการเมือง
สิ่งแวดล้อมเปรียบเทียบ อย่างไรก็ตาม วิธีการนี้ยังไม่ได้ใช้กันมากนัก การศึกษาเรื่องการเมืองสิ่งแวดล้อมมักใช้
วิธีการพรรณนาหรือบรรยายความ แต่ยังไม่ได้ใช้การหาเหตุและผลด้วยการติดตามกระบวนการอย่างชัดเจน
ซึ่งอยู่ภายใต้ปรัชญาทางสังคมศาสตร์และพัฒนาการทางวรรณกรรม ทั้งนี้ การใช้วิธีการติดตามกระบวนการ
อาจสร้างความแตกต่างจากการใช้วิธีการศึกษาเกี่ยวกับการเมืองสิ่งแวดล้อมเปรียบเทียบและความสัมพันธ์
ระหว่างประเทศด้วยวิธีการอื่น ๆ (Vanhala, 2017)
ข้อค้นพบเกี่ยวกับแนวโน้มทางวิชาการของงานวิจัยการเมืองสิ่งแวดล้อมที่นักวิชาการทั้งหลาย
ได้ค้นพบ มีทั้งแนวโน้มงานวิจัยในระดับนานาประเทศกับงานวิจัยในเชิงพื้นที่ ซึ่งงานวิจัยเกี่ยวกับประเด็น
การเมืองสิ่งแวดล้อมในระดับนานาประเทศค่อนข้างมีนักวิชาการให้การศึกษาไว้อย่างชัดเจน ได้แก่
Dauvergne and Clapp พบว่า แนวโน้มการวิจัยด้านการเมืองสิ่งแวดล้อมจากวารสารวิชาการการเมือง
สิ่งแวดล้อมโลก (Global Environmental Politics: GEP) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นมา พบประเด็นการเมือง
สิ่งแวดล้อม 3 ประเด็นส าคัญ ได้แก่ ประเด็นแรก มุ่งเน้นในเรื่องของการเคลื่อนไหวการเมืองสิ่งแวดล้อมด้าน
การบริหารการปกครองสิ่งแวดล้อมโลก ประเด็นที่สอง มุ่งเน้นในเรื่องของการเคลื่อนไหวการเมืองสิ่งแวดล้อม
ด้านการบริหารการปกครองสิ่งแวดล้อมโลกบนพื้นฐานของการตลาด และความมีอิทธิพลของภาคเอกชน และ
ประเด็นที่สาม มุ่งเน้นในเรื่องของการเคลื่อนไหวการเมืองสิ่งแวดล้อมผ่านการวิเคราะห์จากประเด็นต่าง ๆ
อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัจจัยส าคัญที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสิ่งแวดล้อม จาก
การศึกษาแนวโน้มสามประการดังกล่าว ล้วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองซึ่งส่งผลกระทบต่อการ
เคลื่อนไหวการเมืองสิ่งแวดล้อม (Dauvergne and Clapp, 2016)
ขณะที่ O'Neill and Haas ให้ข้อค้นพบถึงทิศทางวิชาการในเชิงประเด็น ไม่ใช่เชิงสถาบัน
ดังเช่นข้อค้นพบจาก Dauvergne and Clapp โดย O'Neill and Haas พบว่า แนวโน้มการศึกษา Global
Environmental Politics (GEP) ได้มุ่งเน้นในเรื่องของความเข้าใจและการอธิบายกระบวนการในการเจรจา
ต่อรองอย่างชัดเจน ทั้งนี้ องค์ประกอบส าคัญของการศึกษา GEP คือ 1) การสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ การสร้าง
ความแตกต่าง ไม่เป็นไปตามแบบแผนเดิม ๆ 2) เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์/ภาวะฉุกเฉินที่เกิดขึ้นในช่วง
นั้น ๆ และ 3) ให้ความส าคัญในเรื่องการเมือง พลวัตของการเจรจาต่อรอง (O'Neill and Haas, 2019)
ส่วน Fahey and Pralle ให้ข้อค้นพบที่แสดงให้เห็นว่างานวิจัยด้านการเมืองสิ่งแวดล้อม
โดยทั่วไปเน้นบทบาทและอิทธิพลของตัวแสดงต่าง ๆ ในประเด็นสิ่งแวดล้อม โดยพบว่านักวิชาการทั้งหลายได้
มีการศึกษาและท าผลงานเชิงวิชาการที่มองไปตัวแสดงหลายภาคส่วน เช่น ท าอย่างไรให้รัฐบาลท้องถิ่นแสดง
บทบาทแก้ปัญหาที่เป็นประเด็นระดับโลกได้ การบริหารจัดการเครือข่าย ท าอย่างไรให้เกิดการมีส่วนร่วม
สาธารณะและการเคลื่อนไหวท่ามกลางตัวแสดงที่หลากหลาย บทบาทและอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์กับ
143