Page 61 - kpiebook64015
P. 61
ใช้จ่ายของผู้สมัครที่ผู้สมัครได้รับจากพรรคการเมืองที่เขาสังกัด ดังนั้น การต้องพึ่งพิงทุนส่วนตัวของผู้สมัคร (ไม่ว่า
จะเป็นที่ตัวผู้สมัครเองมี หรือผู้สมัครสามารถระดมทุนผ่านการบริจาคหรือกู้ยืม) ทำให้ผู้สมัครที่มีฐานะร่ำรวย
ได้เปรียบ และผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติดังกล่าวหรือมีน้อยกว่าก็จะมีโอกาสน้อยที่พรรคจะเลือกหรือเสนอชื่อให้เป็นผู้สมัคร
ของพรรค คำถามคือ ทำไมคนถึงยอมที่จะเสียเงินจำนวนมากไปกับการลงแข่งขันเลือกตั้ง ? หลังจากที่ได้ทบทวน
ผลประโยชน์ที่เป็นไปได้ของเป็นการสมาชิกสภาในเคนยา คำตอบ คือ “สำหรับผู้ที่ใช้เงินและได้เป็น ส.ส. ในสภา
มันเป็นธุรกิจที่ดีเลย แต่สำหรับผู้แพ้เลือกตั้ง มันอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการล้มละลาย” นั่นคือ นักการเมืองที่
104
แพ้เลือกตั้งต้องเสี่ยงกับการล้มละลาย ส่วนนักการเมืองที่ชนะเลือกตั้งเป็น ส.ส. ก็เสี่ยงต่อการใช้อำนาจหน้าที่ไป
ในทางมิชอบเพื่อถอนทุนคืนสำหรับการแข่งขันเลือกตั้งคราวต่อไปหากเงินที่เขาใช้ไปนั้นเป็นเงินของเขาหรือ
ครอบครัวของเขาเอง แต่หากมาจากการกู้ยืม เขาก็จะต้องเสี่ยงต่อการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางมิชอบเพื่อถอนทุนมา
ใช้หนี้ หรือไม่ก็ต้องเสี่ยงต่อการใช้อำนาจหน้าที่ไปเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับเจ้าหนี้ โดยเฉพาะเจ้าหนี้ที่เป็นเอกชนที่ให้
กู้ด้วยอัตราพิเศษต่ำกว่าการกู้เชิงพาณิชย์จากสถาบันการเงินทั่วไป หรือให้กู้โดยไม่มีดอกเบี้ยและระยะเวลาแน่นอน
ของการชำระหนี้ ซึ่งการให้กู้ในลักษณะดังกล่าวนี้แทบจะไม่ต่างจากการรับบริจาคหรือการรับเป็นของกำนัล ส.ส.
ประเภทนี้ยากที่จะมีความเป็นอิสระในการทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนเท่ากับผลประโยชน์
ของตัวเขาและเจ้าหนี้ที่แทบจะไม่ต่างจากผู้อุปถัมภ์หรือผู้มีบุญคุณ และหากยังจะไม่กล่าวถึงพระราชบัญญัติ
PPERA 2000 ของสหราชอาณาจักร และพิจารณาพรรคการเมืองในสถานะของกลุ่มหรือสมาคมเอกชนภายใต้นิติ
บุคคล นั่นคือ พรรคการเมืองสามารถทำธุรกรรมได้ไม่ต่างจากนิติบุคคลเอกชนทั่วไป และถ้าเปลี่ยนจากนักการเมือง
ที่เป็นปัจเจกบุคคลมาเป็นพรรคการเมืองที่ทำการกู้ยืมเงินได้ สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะเป็นไปตามหลักกฎหมายที่ปรากฏใน
ภาษาละติน mutatis mutandis นั่นคือ เพียงแต่เปลี่ยนคำบางคำ แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม หมายความว่า หาก
พรรคการเมืองสามารถกู้เงินได้ไม่ต่างจากเอกชน “ไม่ว่าจะกู้มาจากแหล่งใด ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร สถาบันการเงิน
หรือเอกชน ก็ย่อมทำได้ และแน่นอนว่าการกู้ในเชิงพาณิชย์ที่มีการคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติหรือในอัตราพิเศษที่ต่ำ
กว่าปกติ หรือไม่มีดอกเบี้ยเลยก็เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ตามแต่คู่สัญญาเจ้าหนี้ลูกหนี้จะตกลงกัน เพียงแต่ไม่
สามารถใช้เงินที่กู้มากระทำการทุจริตเลือกตั้งตามที่กฎหมายได้บัญญัติห้ามไว้ รวมทั้งจะต้องไม่ใช้เงินเกินขอบเขตใน
การรณรงค์หาเสียง และแน่นอนว่า พรรคการเมืองที่กู้เงินมาใช้ในกิจการทางการเมืองไม่จำเป็นต้องเปิดเผยการกู้ยืม
เงินของพรรค ขณะเดียวกัน เมื่อพรรคได้รับเลือกตั้งและเข้าไปทำหน้าที่ในรัฐสภา และหากพรรคมีกระทำที่ส่อให้
เห็นว่าใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางมิชอบและขัดต่อผลประโยชน์สาธารณะแต่เอื้อประโยชน์เพื่อเป็นการตอบแทนแก่
เจ้าหนี้ ก็ย่อมมีบทบัญญัติตามกฎหมายที่จะกล่าวหาและสอบสวนตัดสินลงโทษพรรคได้ และแม้ว่าจะไม่สามารถ
เอาผิดพรรคได้ เพราะหลักฐานไม่เพียงพอหรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ชื่อเสียงของพรรคย่อมจะเป็นที่กังขาต่อ
สาธารณะ และประชาชนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะตัดสินพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปเอง และแน่นอนว่า การกู้เงินมา
104 Funding of Political Parties and Election Campaigns A Handbook on Political Finance, Elin Falguera
Samuel Jones Magnus Ohman, eds., International Institute for Democracy and Electoral Assistance (IDEA),
(Sweden: 2014), pp. 46-47.
61