Page 16 - kpiebook64015
P. 16
ถ้าย้อนกลับไปพิจารณาความเป็นมาของพระราชบัญญัติพรรคการเมืองที่ผู้วิจัยได้นำเสนอไปในตอนต้นๆ
จะพบว่า ประเด็นสำคัญในการอภิปรายโต้แย้งในการกำหนดให้พรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคลหรือไม่ใน
พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2498 ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการรับผิดทางอาญาและการควบคุมเรื่องการเงินของ
พรรคการเมืองในกรณีที่ยุบเลิกพรรคการเมือง ทรัพย์สินจะต้องตกเป็นของรัฐ ไม่ใช่ให้แบ่งกันในหมู่สมาชิกพรรค
และผลที่ออกมาก็คือ ภายใต้พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2498 พรรคการเมืองไม่มีสถานะนิติบุคคล แต่
‘สามารถเป็นโจทย์หรือจำเลยทางแพ่งในศาลได้ในนามของพรรคการเมืองเองโดยมีหัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการ
แทน’ ได้” ดังที่กล่าวไปแล้ว และหลังจากพระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2498 พระราชบัญญัติพรรค
การเมืองทุกฉบับได้กำหนดให้พรรคการเมืองมีสถานะเป็นนิติบุคคล แต่ไม่มีการอภิปรายให้เหตุผลใดๆว่า ด้วยสาเหตุ
และประโยชน์ต่อสาธารณะอันใดที่พรรคการเมืองเป็นนิติบุคคล ดังนั้น จึงเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า ในการกำหนดให้
พรรคการเมืองมีสถานะนิติบุคคลในพระราชบัญญัติพรรคการเมืองทุกฉบับหลังฉบับ พ.ศ. 2498 น่าจะเพื่อประเด็น
การรับผิดทางอาญาและการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพทางการเมืองของพรรค แต่มิได้หมายความว่า พรรคการเมืองจะ
เป็นนิติบุคคลที่สามารถทำธุรกรรมได้ไม่ต่างจากสมาคมเอกชนทั่วไป เพราะตั้งแต่การอภิปรายพิจารณาการออก
พระราชบัญญัติพรรคการเมือง พ.ศ. 2498 ก็มีความชัดเจนในเจตนารมณ์อยู่แล้วว่า พรรคการเมืองจะไม่อยู่ภายใต้
กฎหมายว่าด้วยสมาคม ซึ่งไม่ต่างจากกรณีของสหราชอาณาจักรที่แม้ว่า พรรคการเมืองจะยังมีสถานะนิติบุคคล
อย่างสมาคมทั่วไป แต่ก็ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายว่าด้วยสมาคมในกรณีของการทำธุรกรรมการเงิน และ
พัฒนาการของกฎหมายเกี่ยวกับพรรคการเมืองสหราชอาณาจักรก็มีความชัดเจนว่า จุดมุ่งหมายของการควบคุม
การเงินของพรรคเพื่อป้องกันการทุจริตและการรวมศูนย์อำนาจภายในพรรค กระนั้นก็ดี เนื่องจากผู้วิจัยมิใช่
ผู้เชี่ยวชาญในทางนิติศาสตร์ จึงไม่สามารถตัดสินวิเคราะห์ในเชิงนิติศาสตร์ต่อข้อถกเถียงที่ว่า พรรคการเมืองไทยมี
สถานะไม่ต่างจากกลุ่มสมาคมเอกชนทั่วไปจึงอยู่ภายใต้สถานะของนิติบุคคลเอกชน หรือไม่อยู่ภายใต้กฎหมาย
ว่าด้วยสมาคม แต่เป็นอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติพรรคการเมือง แต่ในฐานะที่ผู้วิจัยเป็นนักรัฐศาสตร์ จึงจะขอ
ตัดสินวิเคราะห์กรณีดังกล่าวนี้ในเชิงรัฐศาสตร์ ดังที่จะใช้พัฒนาการทางการเมืองที่มีอิทธิพลต่อพัฒนาการกฎหมาย
เกี่ยวกับพรรคการเมืองและกฎหมายพรรคการเมืองของต่างประเทศ โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและสวีเดนเป็น
กรอบในการวิเคราะห์
กรณีศึกษา : กฎหมายการเงินของพรรคการเมืองและกรณียุบพรรคอนาคตใหม่
กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ จากกรณีการกู้เงินหัวหน้าพรรคเมื่อวันที่ 21
กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ได้ก่อให้เกิดข้อถกเถียงในทางวิชาการ โดยเฉพาะข้อโต้แย้งจากคณาจารย์นิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อีกทั้งยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ไม่เห็นด้วยต่อคำวินิจฉัยดังกล่าว โดยเห็นว่าศาล
รัฐธรรมนูญตัดสินวินิจฉัยภายใต้อำนาจอิทธิพลทางการเมืองที่ต้องการจะกำจัดพรรคอนาคตใหม่ในฐานะที่เป็นคู่แข่ง
ทางการเมืองที่กำลังเติบโตและได้รับกระแสนิยม ดังที่มีการแชร์กันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย
ก่อนที่จะวิเคราะห์กรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ภายใต้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ดี และข้อโต้แย้งทาง
วิชาการของคณาจารย์นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ดี ผู้วิจัยเห็นสมควรที่จะนำเสนอภาพรวมของ
16