Page 49 - kpiebook63032
P. 49
48 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสระแก้ว
เข็มทอง ต้นสกุลรุ่งเรือง (2553) อธิบายว่า แม้หน้าที่ของพรรคการเมืองจะมีอยู่หลายประการ
แต่อาจแยกหน้าที่หลักของพรรคการเมืองออกเป็นสองประการใหญ่ๆ หน้าที่อื่นๆ นั้นเพียงแต่แยกย่อย
ออกจากหน้าที่หลักทั้งสองประการนี้เท่านั้น หน้าที่ของพรรคการเมือง คือ
1. พรรคการเมืองเป็นตัวกลางเชื่อมความต้องการและบทบาทของประชาชนกับรัฐบาล ลำาพัง
ประชาชนแต่ละคนนั้นย่อมไม่มีอิทธิพลต่อรัฐบาล หากแต่ถ้าประชาชนที่มีความเห็นตรงกันมารวมตัวกันเข้า
ทำาความคิดเห็นของตนให้เป็นปึกแผ่นเป็นนโยบายของพรรคการเมืองเพื่อเสนอต่อประชาชนคนอื่นๆ
พิจารณาเลือกตั้งพรรคของตน ความต้องการของประชาชนจึงจะมีนำ้าหนักขึ้น พรรคการเมืองจะเป็น
ผู้รวบรวม คัดเลือก และส่งผ่านประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ของประชาชนและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ
ที่เป็นฐานเสียงของตนเข้าสู่การพิจารณาของรัฐ และผลักดันให้รัฐบาลนำาความต้องการดังกล่าวไปปฏิบัติ
ทำาให้รัฐบาลมีโอกาสได้สื่อสารกับประชาชนผ่านตัวกลาง นอกจากนี้ในแง่ตัวกลางเชื่อมบทบาทของประชาชน
กับรัฐบาล พรรคการเมืองยังเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเมือง โดยคัดเลือกผู้มีความสามารถ
มาเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเพื่อชิงชัยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรัฐบาลแทนประชาชนส่วนใหญ่ โดย
ในหน้าที่นี้พรรคการเมืองต้องส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ด้านการเมืองการปกครองประเทศด้วย
2. พรรคการเมืองเป็นผู้ใช้อำานาจทางการเมือง หากพรรคการเมืองสามารถชนะการเลือกตั้ง
ได้เสียงข้างมากในรัฐสภา และจัดตั้งรัฐบาล พรรคการเมืองย่อมเป็นผู้กำาหนดกฎหมายตามความประสงค์
ของประชาชน และนำากฎหมายนั้นไปบังคับใช้ พรรคการเมืองกลายเป็นผู้นำาความต้องการของประชาชน
มาปฏิบัติให้เกิดผลด้วยตนเอง นอกจากนี้การใช้อำานาจพรรคการเมืองยังหมายรวมถึงการที่พรรคการเมือง
เป็นฝ่ายค้านที่คอยตรวจสอบควบคุมการใช้อำานาจของฝ่ายรัฐบาล โดยการตั้งกระทู้ถาม พิจารณากลั่น
กรองร่างพระราชบัญญัติ รวมทั้งการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล
วิทยา ชินบุตร (2553) (อ้างถึงใน สรรพิชย์ พิทยาธรเลิศ, 2555) กล่าวถึงหน้าที่ของพรรคการเมือง
ได้แก่
1. การส่งตัวแทนเข้ารับสมัครรับเลือกตั้ง (Representative) พรรคการเมืองช่วยคัดเลือกผู้
สมัครรับเลือกตั้งจากจำานวนผู้สนใจในการเมืองหลายๆ คน จะเห็นว่าพรรคการเมืองที่มีชื่อเสียงและมี
แนวโน้มในการชนะเลือกตั้ง มักมีผู้สนใจสมัครเข้าเป็นตัวแทนของพรรคกันมาก พรรคการเมืองต้องคัดเลือก
ว่าควรจะส่งบุคคลใด โดยทั่วไปตามหลักการประชาธิปไตยผู้สมัครอาจไม่สังกัดพรรคการเมืองใดๆ ก็ได้
คือสมัครในนามอิสระ (Independent) แต่ในปัจจุบันนี้ผู้สมัครอิสระมีน้อย ทั้งนี้เพราะพรรคการเมือง
ได้รับการยอมรับว่ามีบทบาทสำาคัญในการดำาเนินงานของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
2. ถ้าผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคได้รับเลือกตั้งเข้ามาจำานวนมากจนได้รับเสียงข้างมากในสภาฯ
ก็ต้องทำาหน้าที่จัดตั้งรัฐบาล (Government) หรือเป็นแกนนำาในการจัดตั้งรัฐบาลบริหารราชการประเทศ
ต่อไปตามแนวนโยบายของพรรคที่ได้แถลงไว้ต่อประชาชน