Page 46 - kpiebook63032
P. 46
45
ทินพันธ์ นาคะตะ (2543) ได้ให้ความหมายพรรคการเมือง คือ กลุ่มบุคคลที่รวมตัวกัน
เพื่อเข้าไปมีบทบาทในการกำาหนดนโยบายและในการบริหารประเทศ ด้วยการส่งสมาชิกเข้าสมัคร
รับเลือกตั้ง โดยมุ่งหวังที่จะได้เป็นรัฐบาลหรือเสียงข้างมากในรัฐสภา
Carl J. Fredrich (อ้างถึงในวิวัฒน์ เอี่ยมไพรวัน, 2554) ให้ความหมายพรรคการเมือง คือ
การรวมตัวกันเป็นกลุ่มที่มั่นคงเพื่อการเป็นรัฐบาลและเพื่อรักษาฐานอำานาจของการเป็นรัฐบาล
Herman Finer (อ้างถึงในวิวัฒน์ เอี่ยมไพรวัน, 2554) ให้ความหมายพรรคการเมือง คือ การตกลง
ร่วมใจกันของบุคคลต่างๆ เกี่ยวกับหลักการปกครองของรัฐนั้นๆ เพื่อนำาหลักการดังกล่าวไปปฏิบัติ
ให้บรรลุผล
Austin Ranney and Winmore Kendall (อ้างถึงในวิวัฒน์ เอี่ยมไพรวัน, 2554) ได้ให้ความหมาย
พรรคการเมือง คือ การรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายเพื่อชัยชนะของการเลือกตั้งใน
การเป็นรัฐบาล
สำาหรับพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 4 บัญญัติ
ถึง “พรรคการเมือง” หมายความว่า คณะบุคคลที่รวมตัวกันจัดตั้งเป็นพรรคการเมืองโดยได้จดทะเบียน
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้
คุณสมบัติพรรคกำรเมือง
เนื่องจาการจัดตั้งของพรรคการเมืองจุดมุ่งหมายสำาคัญเพื่อเป็นองค์การทางการเมืองที่มุ่งสร้าง
ประชาธิปไตยภายใต้อุดมการณ์ที่หลากหลาย คุณสมบัติพรรคการเมืองหรือองค์ประกอบขององค์กรที่
เรียกว่าพรรคการเมือง จึงเหมือนเป็นกรอบควบคุมแผนการดำาเนินภารกิจทางการเมือง ซึ่งพอสรุปได้ ดังนี้
1. พรรคการเมืองจะต้องเกิดจากการรวมตัวของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลจำานวนหนึ่งการรวม
ตัวในรูปแบบนี้ทำาให้เกิดลักษณะของความเป็นองค์กร คือ เป็นการรวมกันอย่างมีหลักเกณฑ์ อาทิ
การแบ่งหน้าที่กันทำางานตามความถนัดและพื้นฐานประสบการณ์ของแต่ละบุคคล การวางแผน
การกำาหนดนโยบาย การกำาหนดเป้าหมายขององค์กร สายงานการบังคับบัญชา การจัดทำากฎระเบียบ
หรือข้อบังคับพรรคไว้โดยสมาชิกต่างยอมรับร่วมกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในที่สุด
2. การรวมตัวของบุคคลนั้นจะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ มิใช่เป็นการบังคับขู่เข็ญ เพื่อให้ได้
สมาชิกเพียงพอต่อการตั้งเป็นพรรคการเมือง ตามกติกาที่สังคมการเมืองนั้นได้วางหลักเกณฑ์ไว้