Page 60 - kpiebook63031
P. 60
59
นพดล สุคนธวิท (2539) ศึกษาเรื่อง “พรรคการเมืองไทยกับการเมืองท้องถิ่น : ผลประโยชน์และ
ฐานอำานาจ” โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะศึกษาความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำาคัญระหว่างพรรคการเมืองไทยกับ
การเมืองท้องถิ่น ในลักษณะที่การเมืองท้องถิ่นได้กลายเป็นแหล่งผลประโยชน์และฐานอำานาจที่สำาคัญยิ่ง
ซึ่งพรรคการเมืองพยายามที่จะมีอิทธิพลเหนือการเมืองท้องถิ่นนั้นให้ได้ โดยอาศัยปัจจัยต่างๆ ในระบบ
การเมืองที่เอื้อและเปิดทางให้พรรคการเมืองเข้ามามีอิทธิพลเหนือการเมืองท้องถิ่นได้
ผลการศึกษาของ นพดล สุคนธวิท พบว่า พรรคการเมืองไทยและการเมืองท้องถิ่นได้มีความสัมพันธ์
กันอย่างลึกซึ่งและแนบแน่น โดยผ่านตัวนักการเมืองผู้สมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองเป็นหลัก
การเมืองท้องถิ่นถือเป็นแหล่งทรัพยากรทางการเมืองที่สำาคัญสำาหรับพรรคการเมืองที่จะต้องแสวงหาและ
ครอบครองเพื่อเข้าสู่อำานาจทางการเมือง อันนำามาซึ่งอิทธิพลและผลประโยชน์ ความสัมพันธ์ระหว่าง
พรรคการเมืองไทยกับการเมืองท้องถิ่นนั้น มีลักษณะการครอบงำาท้องถิ่นโดยพรรคการเมือง โดยอาศัย
ระบบราชการ กลไกการปกครองท้องถิ่น และการจัดตั้งตัวแทนของพรรคเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์กับ
ประชาชนภายในท้องถิ่น ในลักษณะที่สามารถชักจูงหรือชักนำาประชาชนได้ ทั้งนี้ โดยอาศัยกลไกในระบบ
อุปถัมภ์ของสังคมไทย
เชาวนะ ไตรมาศ (2537) ศึกษาเรื่อง “เจ้าพ่อกับการเมือง : การเชื่อมโยงของข่ายใยอำานาจใน
ระบบการเมืองไทย” งานวิจัย มุ่งศึกษาแบบแผนการแข่งขัน – ช่วงชิงอำานาจระหว่างกลุ่มการเมือง แบบแผน
การเชื่อมโยงอำานาจระหว่างกลุ่มการเมืองและภาวะการแตกตัว – ประสานตัว ระหว่างอำานาจรัฐ อำานาจ
การเมือง โดยเน้นบทบาทของกลุ่มอำานาจ ที่เรียกว่า “เจ้าพ่อ” เป็นกลุ่มหลัก
ผลการศึกษา พบว่า 1) เจ้าพ่อเป็นกลุ่มอิทธิพลที่มีบทบาทเด่นในฐานะผู้แสวงโอกาสในการเก็บเกี่ยว
ประโยชน์ทั้งจากอำานาจรัฐ อำานาจการเมืองและอำานาจเศรษฐกิจที่เกิดจากผลพวงของการเปลี่ยนผ่านระหว่าง
ระบอบการเมืองกระแสหลัก มากกว่าบทบาทในฐานะกลุ่มการเมืองที่มีอำานาจหลักในการแข่งขัน – ช่วงชิง
เพื่อให้ได้มา เข้าครอบครองหรือดำารงไว้ซึ่งอำานาจรัฐอำานาจการเมืองหรืออำานาจเศรษฐกิจในระบบและ
ระบอบการเมือง 2) เจ้าพ่อแสวงหาประโยชน์และอำานาจโดยเครือข่ายของวิถีการแลกเปลี่ยนความร่วมมือที่
ร่วมแลก-รับกันระหว่างพันธมิตร 3 ภาค คือ ภาคการเมือง ภาคราชการ และภาคเศรษฐกิจ 3) เจ้าพ่อมีพลังขับ
จากแรงจูงใจที่มุ่งเก็บเกี่ยวผลพลอยได้จากระบบการเมืองซึ่งอยู่ในฐานะฝ่ายตั้งรับ (ผู้สนับสนุน ผู้แสวง
ประโยชน์ และผู้ใช้หรือบริโภค) และปรับตัวให้เข้ากับภาวะการแตกตัว ประสานตัวระหว่างอำานาจรัฐ อำานาจ
การเมือง มากกว่าบทบาทในฐานะนักการเมืองโดยตรง
งานศึกษาของ นิรันดร์ กุลฑานันท์ (2549) ศึกษา “นักการเมืองถิ่นจังหวัดบุรีรัมย์” มีวัตถุประสงค์
1) เพื่อทำาความรู้จักนักการเมืองที่เคยได้รับการเลือกตั้งในจังหวัดบุรีรัมย์ 2) เพื่อทราบถึงเครือข่ายและ
ความสัมพันธ์ของนักการเมืองในจังหวัด 3) เพื่อทราบบทบาทและความสัมพันธ์ของกลุ่มผลประโยชน์และ
กลุ่มที่ไม่เป็นทางการที่มีส่วนสนับสนุนทางการเมืองในจังหวัด 4) เพื่อทราบบทบาทและความสัมพันธ์ของ
พรรคการเมืองกับนักการเมืองในจังหวัด 5) เพื่อทราบวิธีการหาเสียงในการเลือกตั้งของนักการเมืองใน