Page 56 - kpiebook63031
P. 56
55
การลงพื้นที่หาเสียงอย่างต่อเนื่อง จนส่งผลให้ชนะคู่แข่งอย่างเด็ดขาดในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ในขณะที่
คู่แข่งขันเองก็ไม่มีศักยภาพมากพอที่จะต่อสู้กับกลุ่มอำานาจเดิมได้ ความรุนแรงในการแข่งขันทางการเมือง
ในเขตเทศบาลเมืองเหล่านี้จึงไม่ค่อยปรากฏมากนัก การแข่งขันทางการเมืองในการหาเสียงเลือกตั้งแต่ละครั้ง
มีปัจจัยเรื่องเงินซื้อเสียงเข้ามาเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินการแพ้ชนะ โดยมีปัจจัยเรื่องการลงพื้นที่อย่าง
ต่อเนื่อง คุณงามความดีและโครงการ นโยบายต่างๆ ในช่วงที่เคยดำารงตำาแหน่งเป็นปัจจัยรองลงมา
บทบาทของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นในการผลักดันให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง
ยังมีน้อย โดยฝ่ายผู้บริหารเทศบาลได้เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมพอสมควร เช่น การจัดทำา
ประชาคมแผนพัฒนาเทศบาล การจัดเวทีสาธารณะประจำาทุกเดือน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วประชาชนที่เข้ามา
ร่วมคือ กลุ่มหัวหน้าชุมชน แกนนำาชุมชนเท่านั้น ในขณะที่ฝ่ายประชาชนเองก็มีวัฒนธรรมแบบเฉื่อยชา
ทางการเมือง
ผลการวิจัยเชิงปริมาณ พบว่า ประชาชนโดยส่วนใหญ่มีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับตำ่า โดย
ประชาชนส่วนใหญ่จะมีส่วนร่วมมากเฉพาะช่วงที่มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี หรือสมาชิกสภาเทศบาล
เท่านั้น ส่วนการมีส่วนร่วมทางการเมืองด้านอื่นๆ ของเทศบาล อาทิ การมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ
การติดตามตรวจสอบประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการดำาเนินงาน พบว่าประชาชนมีส่วนร่วมน้อย
เวียงรัฐ เนติโพธิ์ (2551) ศึกษาเรื่อง “ประชาธิปไตยตัวแทนและประชาธิปไตยภาคประชาสังคมใน
ระดับท้องถิ่น” เพื่อศึกษาความเป็นตัวแทนตามระบอบประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง และการมีส่วนร่วม
ทางการเมืองของประชาชนเป็นประเด็นสำาคัญในปัญหาการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศไทยซึ่งใน
บริบทของการกระจายอำานาจนี้ประชาธิปไตยระดับท้องถิ่นจะเป็นตัวกำาหนดทิศทางการพัฒนาประชาธิปไตย
ของไทยนับจากนี้ไป การพิจารณาประชาธิปไตยระดับท้องถิ่นในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นเรื่องสำาคัญ
งานวิจัยนี้ ประเมินความเป็นประชาธิปไตยในท้องถิ่นโดยมีจุดเน้นที่องค์กรปกครองท้องถิ่นในฐานะ
ที่เห็นสถาบันตัวแทนตามระบอบประชาธิปไตย โดยด้านหนึ่งศึกษาว่า ในท้องถิ่นนั้นๆ มีกระบวนการและ
โครงสร้างเชิงสถาบันมีลักษณะอย่างไรในการเข้ามาเป็นตัวแทนในองค์กรปกครองท้องถิ่น และอีกด้านหนึ่ง
ศึกษาว่า ประชาชนมีกระบวนการและโครงสร้างเชิงสถาบันอย่างไรในการมีส่วนร่วมทางการเมืองต่อองค์กร
ปกครองท้องถิ่น ในการศึกษานี้ เวียงรัฐ เนติโพธิ์ ได้ใช้กรณีศึกษาที่เป็นพื้นที่ในเขตปกครองทั้งของระดับ
องค์การบริหารส่วนตำาบลและระดับเทศบาล รวม 18 กรณีศึกษา กระจายอยู่ใน 3 ภูมิภาค คือ ภาคเหนือ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ โดยแต่ละพื้นที่มีความหลากหลายแตกต่างกันไป
จากการสำารวจพบว่า ในแง่ของความเป็นประชาธิปไตยเชิงสถาบันนั้น โดยภาพรวมถือว่าทิศทาง
สอดคล้องกับการพัฒนาประชาธิปไตย เพราะในด้านประชาธิปไตยตัวแทนมีกลุ่มการเมืองที่ชัดเจนและ
มีการเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองที่ชัดเจน ด้านกระบวนการในการเข้าสู่การเลือกตั้งในแง่การใช้สิทธิของ
ประชาชน และการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งถือว่าอยู่ในระดับสูง ส่วนประชาธิปไตยแบบ