Page 58 - kpiebook63031
P. 58
57
ซึ่งต้องมีความเกี่ยวข้องกับภาครัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ประกอบกับนโยบายของรัฐที่เปิดกว้างมากขึ้น
ค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไป ชื่อเสียง เกียรติยศ จึงทำาให้พ่อค้าชาวจีนเข้ามามีบทบาททางการเมืองโดยตรง
ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวของพ่อค้าชาวจีนเพื่อสนองตอบต่อระบบเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวเพื่อปกป้อง
คุ้มครองผลประโยชน์ของตน
สำาหรับกลุ่มการเมืองที่มีบทบาทกุมอำานาจท้องถิ่นที่ศึกษานี้ แกนนำาของกลุ่มและเครือญาติ
มาจากการเติบโตของธุรกิจก่อสร้างและบริการ บันเทิง ร่วมกับกลุ่มพ่อค้าชาวจีนในเมืองโดยมีสายสัมพันธ์กับ
ผู้นำาคุ้มต่างๆ ที่มีเชื้อสายไทยอีสาน ได้ร่วมกันจัดตั้งกลุ่มการเมืองขึ้น ปัจจัยหนึ่งที่ทำาให้กลุ่มการเมืองกลุ่มนี้
ประสบความสำาเร็จ คือ “ทุน” ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำาคัญอันเป็นที่มาของอำานาจนั้นอยู่ที่แกนนำาของกลุ่ม
โดยเฉพาะที่ผู้นำากลุ่มบุคคลต่างๆ ภายในกลุ่มถือว่ามีความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ทางการเมืองซึ่งกันและกัน
บุคคลในกลุ่มที่จะเข้าสู่อำานาจทางการเมืองได้นั้น จะต้องอาศัยฐานเครือข่ายความสัมพันธ์ของสมาชิก
แต่ละคนช่วยกันหาคะแนนเสียงให้แก่กลุ่ม
ส่วนฐานเครือข่ายความสัมพันธ์ที่สำาคัญ ที่มีส่วนช่วยให้กลุ่มการเมืองประสบความสำาเร็จ ได้แก่
ฐานของเครือข่ายความสัมพันธ์ทางด้านเครือญาติ ทางด้านการค้า ทางด้านประเพณีวัฒนธรรมและฐาน
ของเครือข่ายความสัมพันธ์ทางด้านองค์กรหรือกลุ่มต่างๆ ได้แก่ กลุ่มลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มสตรี หอการค้า
มูลนิธิ สโมสรไลอ้อนส์ – สโมสรโรตารี่ ฯลฯ จากเครือข่ายต่างๆ ที่มีอย่างกว้างขวางเหล่านี้ จึงทำาให้กลุ่ม
การเมืองที่ศึกษานี้ประสบความสำาเร็จในสนามเลือกตั้งแทบทุกครั้ง นอกจากนี้ กลุ่มการเมืองกลุ่มนี้ยังมี
บทบาทผลักดันการเมือง อยู่เบื้องหลังความสำาเร็จของนักการเมืองตั้งแต่ระดับจังหวัดจนถึงระดับประเทศ
ดังนั้น จะเห็นได้ว่า ศักยภาพและบทบาทของกลุ่มการเมืองท้องถิ่นนี้มีความสำาคัญยิ่ง และยังมีแนวโน้ม
ของการกระจุกตัวอำานาจซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาด้านการครอบครองและแบ่งปันทรัพยากร อันอาจนำาไปสู่
ความขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่นในอนาคตได้ นอกจากนี้จากการที่กลุ่มพ่อค้าชาวจีนเข้ามามีบทบาท
ทางการเมืองท้องถิ่นนี้ น่าจะทำาให้ผู้นำาท้องถิ่นกลุ่มนี้สามารถโยงใยสายสัมพันธ์ถึงผู้นำาระดับที่สูงกว่าได้
ขณะเดียวกันก็มีโอกาสเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารต่างๆ อันเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มตนได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ
อีกทั้งเครือข่ายความสัมพันธ์ที่กลุ่มเข้าไปมีบทบาทน่าจะมิได้จำากัดเฉพาะเพียงการอุปถัมภ์ทางการเมือง
แต่อาจผูกพันไปจนถึงการอุปถัมภ์ทางเศรษฐกิจซึ่งกันและกันก็เป็นได้
งานศึกษาของ สุพรรณี เกลื่อนกลาด (2549) ศึกษาเรื่อง “กลุ่มผลประโยชน์กับองค์การปกครอง
ส่วนท้องถิ่น : กรณีศึกษา 4 เทศบาลนครในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” โดยมีวัตถุเพื่อศึกษา 1) วิเคราะห์
โครงสร้างเศรษฐกิจและการเมืองใน 4 เทศบาล ประกอบด้วยเทศบาลนครขอนแก่น เทศบาลนคร
อุบลราชธานี เทศบาลนครอุดรธานี และเทศบาลนครราชสีมา และ 2) วิเคราะห์กลุ่มผลประโยชน์ เครือข่าย
ความสัมพันธ์ การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์และการจัดสรรงบประมาณของเทศบาลดังกล่าวข้างต้น
จากการศึกษาพบว่า สมาชิกใน “กลุ่มการเมือง” ก่อนเข้าสู่การเมืองท้องถิ่นต่างมีการสะสมทุน
ในภาคธุรกิจโดยมีระดับความมั่นคงทางการเงินในระดับหนึ่งแล้วจึงเข้าสู่การเมืองในระดับท้องถิ่น ทั้งนี้