Page 49 - kpiebook63031
P. 49
การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562
48 จังหวัดอุบลราชธานี
2. การปกครองตนเองของผู้นำา ผู้อุปถัมภ์มีสิทธิ์ในการปกครองตนเองสูงในการเลือกพันธมิตร
และการตัดสินใจในเรื่องของนโยบายนานตราบเท่าที่เขาสามารถสนองตอบความต้องการ
พื้นฐานของผู้รับอุปถัมภ์ของตน ในขณะที่ผู้นำาของกลุ่มแยกประเภทจะต้องยอมรับ
ผลประโยชน์รวมของกลุ่มที่เขาเป็นผู้นำาเป็นสำาคัญ
3. เสถียรภาพของกลุ่ม กลุ่มผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์ (patron-client cluster) มีพื้นฐานอยู่ที่
สายสัมพันธ์ในแนวตั้งที่เปิดเฉพาะของกลุ่มนั้นๆ และที่สำาคัญขึ้นอยู่กับความสามารถ
ของผู้นำาที่จะทำาให้เกิดการขยายตัว หรือสลายตัวที่เกี่ยวเนื่องกับทรัพยากรที่เขามีอยู่ และ
ขึ้นอยู่กับความสามารถที่จะสนองตอบต่อข้อเรียกร้องของผู้อุปถัมภ์ได้ ในทางตรงข้ามกลุ่ม
แยกประเภท (categorical group) มีพื้นฐานอยู่ที่คุณสมบัติร่วมกันของสมาชิกตามแนวนอน
เพราะฉะนั้น การคงอยู่ของกลุ่มจึงไม่ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของหัวหน้า และจะยังคงขึ้นอยู่กับ
กิจกรรมหรือผลประโยชน์ (บ่อยครั้งในเรื่องนโยบาย) ร่วมกันของสมาชิก
4. ส่วนประกอบของกลุ่ม กลุ่มผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์พิจารณาจากการกำาเนิดของกลุ่ม
จะมีแนวโน้มที่มีลักษณะหลากหลายจากชั้นทางสังคมที่เข้าร่วมในกลุ่มมากกว่ากลุ่มแยก
ประเภท ซึ่งการเกิดขึ้นอยู่กับคุณลักษณะเฉพาะที่สมาชิกมีร่วมกันอยู่ โดยคำาจำากัดความ
ผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์แบบปิรามิด จะรวมเอาคนที่มีความแตกต่างในการจัดฐานะตำาแหน่ง
ในขณะที่กลุ่มแยกประเภทอาจจะเป็นหรือไม่เป็นกลุ่มของคนที่มีสถานภาพที่เป็นอันหนึ่ง
อันเดียวกัน (homogeneous in status)
5. การร่วมมือของกลุ่ม ในความเป็นจริงกลุ่มผู้อุปถัมภ์และผู้รับอุปถัมภ์ (patron-client cluster)
ไม่ใช่กลุ่ม (group) ที่แท้จริง ซึ่งเราอาจเรียกได้ว่าเป็น “ชุดกิจกรรม” (action set) ที่รวมกัน
อยู่ได้เพราะความสัมพันธ์ในแนวตั้งกับหัวหน้าเท่านั้น สายสัมพันธ์ที่หัวหน้าทำาให้เกิดขึ้น
ทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนก็ได้ บริวารหรือผู้ติดตาม (followers) จะไม่มีความสัมพันธ์โดยตรง
ต่อกันและกัน และโดยแท้จริงแล้วอาจจะไม่รู้จักกันเลย ในทางตรงข้ามในกลุ่มแยกประเภท
สมาชิกมักจะเชื่อมโยงกันตามแนวนอนกับระดับที่เราจะเรียกว่ากลุ่ม (group) ที่เป็นอิสระ
จากหัวหน้า
3.2 ประเภทของระบบอุปถัมภ์
อาจแยกความแตกต่างระหว่างความสัมพันธ์ที่เป็นไปตามคำานิยามของสังคมในการที่ผู้รับ
อุปถัมภ์จะยอมรับฐานะที่ด้อยกว่าของตนภายใต้ระบบบิดาอุปถัมภ์(patrimonial) และความสัมพันธ์อีก
แบบหนึ่งที่มีลักษณะของการใช้อำานาจกดขี่โดยผู้ที่มีอำานาจอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ
การเมืองที่ทำาให้การยอมรับสิทธิของการใช้อำานาจอย่างชอบธรรมตามประเพณีลดลง (แอนโทนี่ ฮอลล์,
2545, น. 30-33)