Page 17 - kpiebook63023
P. 17

17






                              จะใช้เวทีอภิปรายประเด็นปัญหา (Issues Forum) ใช้ผู้เข้าร่วม 10 - 100 คน ระยะเวลา 1 วัน

                              ก็ถือเป็นทางออกที่ดี รวดเร็ว แต่ต้องอาศัยการออกแบบขั้นตอนที่ดีเช่นกันเพื่อให้ทุกฝ่าย

                              ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง และอีกรูปแบบหนึ่งคือ การประชุมเมือง (Town
                              Meeting) อันเป็นกลุ่มปรึกษาหารือขนาดใหญ่มาก รับรองผู้เข้าร่วมนับพันคน เป็นรูปแบบ
                              ประชาธิปไตยทางตรง (Direct Democracy) ที่ใช้มาตั้งแต่กรีกยุคโบราณ และกำาลังได้รับความนิยม

                              ในหลายเมือง อย่างไรก็ตามรูปแบบประชุมเมืองอาจทำาได้ยากในปัจจุบันเนื่องจากทุกวันนี้

                              เมืองมีขนาดใหญ่ ประชากรมาก และความหลากหลายสูง

                          6) ประชาธิปไตยแบบสมานฉันท์ (Consensus Democracy)


                          •   เป็นระบอบประชาธิปไตยที่นำารูปแบบของการปรึกษาหารือเพื่อหาฉันมามติร่วมกันมาปรับใช้ใน
                              การปกครอง ลักษณะเน้นคือการให้ความสำาคัญกับเสียงข้างน้อยในสังคมซึ่งแตกต่างจากประชาธิปไตย

                              แบบเสียงข้างมาก (Majoritarian Democracy) ซึ่งแบบหลังนี้มักใช้ในสังคมที่มีความเป็นเอกภาพสูง
                              เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มักจะมีความคิด คำาพูด การกระทำา การตัดสินใจที่มีแนวโน้มไปทาง

                              เดียวกัน ในขณะที่ในสังคมอันมีความแตกต่างหลากหลาย (Pluralism) อยู่มาก เช่น พื้นที่ที่มีหลาย
                              ชนชาติอาศัยอยู่ ความเหลื่อมลำ้าสูง หรือมีความแตกต่างทางความคิดสูง เสียงข้างน้อยของสังคม

                              ก็จะถูกละเลยโดยกลุ่มที่มีอำานาจทางสังคมสูงกว่าได้ง่าย ประชาธิปไตยแบบสมานฉันท์จึงถูกนำามาใช้
                              เพื่อรับความคิดที่แตกต่างหลากหลายจากกลุ่มคนทุกระดับ ทุกเชื้อชาติ หรือทุกสาขาอาชีพและ

                              ช่วงวัยมาคำานวณหรือพิจารณาให้ได้มากที่สุด เพื่อหา “ฉันทามติ” หรือ “เสียงอันเป็นเอกฉันท์”
                              อันเป็นทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับแม้ว่าอาจจะไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดแต่สำาคัญที่สุดตรงที่ทุกฝ่าย

                              ที่ร่วมกันออกความเห็นต่างยอมรับมัน

                          •   ประชาธิปไตยแบบสมานฉันท์ไม่เน้นการลงคะแนนเสียง แต่เน้นการ “ฟังเสียง” จากหลายทาง

                              กระบวนการจึงเน้นการถกอภิปรายโดยการรวมคนทุกกลุ่ม (inclusive) มากกว่าการหย่อนบัตร
                              เพื่อเร่งด่วนหาข้อสรุป เน้นการเปิดช่องทางให้มีส่วนร่วม (participatory) ยอมรับและรับฟัง

                              เมื่อกลุ่มอื่นแสดงความคิดเห็นที่ต่างจากตน ต้องร่วมด้วยช่วยกันในการเสนอทางเลือก หากกลุ่มใด
                              มีความคิดคล้ายกันก็อาจจะปรึกษาหารือเพื่อหาฉันทามติย่อยในกลุ่มตนก่อน แล้วจึงนำา

                              ฉันทามตินั้นไปถกในกลุ่มใหญ่อีกทีหนึ่ง อย่างไรก็ตามไม่ควรนำาความต้องการเฉพาะกลุ่มของตน
                              มานำา (dominate) เพื่อกดดันความคิดของกลุ่มอื่น ต้องอาศัยความเกื้อกูลและมุ่งหวังที่ประโยชน์

                              ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตนเพื่อหาทางออกและหาข้อตกลงร่วมกันร่วมกัน

                          •   ระบบนี้สามารถนำามาใช้ร่วมกันระบบประชาธิปไตยแบบผู้แทน (Representative Democracy) ได้

                              โดยอาจประชุมเพื่อปรึกษาหารือในเรื่องที่ต้องมีการนำาเสนอต่อสภา ไม่ว่าจะเป็นรัฐสภาระดับ
                              ประเทศหรือสภาท้องถิ่นก็สามารถนำามาใช้ได้ เพื่อให้ตัวแทนนั้นเป็นตัวแทนของเสียงประชาชน

                              เสียงของพื้นที่นั้น ๆ จริง ๆ แม้ว่าตัวผู้แทนจะไม่เห็นด้วยที่สุดต่อฉันทามตินั้น แต่ในเมื่อเป็น
                              ความต้องการร่วมกันของทุกกลุ่มก็ต้องยอมรับและพยายามอภิปรายเพื่อให้นโยบายหรือ

                              แนวคิดของฉันทามตินั้นบังเกิดผล
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22