Page 64 - kpiebook63010
P. 64

63








                  เสริมลิ้งก์เข้าไป เพื่อให้สามารถได้รับข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่น และการเสริมเรื่องของเครื่องมือและข้อมูลในการ

                  ค้นหากิจกรรมรณรงค์และองค์กรเครือข่ายในแต่ละพื้นที่ท้องถิ่น กล่าวโดยสรุปแล้วนักการเมืองที่มีความสำาคัญ
                  ในการใช้สื่อโซเชียลในยุคแรกอย่างจริงจังคือ Howard Dean ในการรณรงค์ของเขาในปี ค.ศ. 2003 (เพิ่งอ้าง)


                          อย่างไรก็ตาม การใช้เว็บไซต์และอีเมล์นั้นมีข้อจำากัดในการรณรงค์เพราะว่า เว็บไซต์นั้นจะเข้าถึงเฉพาะ

                  ผู้ที่สนใจสนับสนุนผู้สมัครอยู่แล้วซึ่งพวกเขาจะเข้ามาชม ขณะที่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์แม้ว่าทางฝ่ายรณรงค์
                  จะส่งออกไป แต่ก็จะเข้าถึงเฉพาะที่ผู้ส่งมีที่อยู่ (ซึ่งทั้งสองอย่างแตกต่างจากสื่อยอดนิยมแบบเดิมคือโทรทัศน์ที่เข้าถึง

                  ผู้ชมในวงกว้างมากกว่า) การเพิ่มการเข้าชมและการเข้าถึงข้อมูลไปยังวงกว้าง ซึ่งหมายถึงคนที่ยังไม่ได้ตัดสิน
                  ใจเลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจึงเป็นเรื่องสำาคัญ ผู้สมัครจึงเพิ่มการเข้าถึงผู้เลือกตั้งผ่านการสื่อสารอีกสองแนวทางคือ


                          1. การสื่อสารออนไลน์แบบที่ถูกควบคุมโดยสื่อมวลชน (media-controlled online communication)

                  โดยการซื้อโฆษณาจากเว็บไซต์ของสื่อกระแสหลักเช่น ABCnews.com หรือ Foxnews.com สื่อระดับท้องถิ่น
                  หรือเชื่อมโยงกับบล็อคเกอร์อิสระ หรือบล็อคขององค์กรภาคประชาชนอิสระที่สนับสนุนผู้สมัครเหล่านั้น


                          2. การสื่อสารออนไลน์แบบที่ถูกควบคุมโดยผู้ใช้ทั่วไป (user-controlled online communication)
                  ซึ่งเป็นฐานของเครือข่ายทางสังคม (social network) คือการตีพิมพ์เอง (self-publishing) ของปัจเจกบุคคล

                  ที่แพร่กระจายการสื่อสารด้วยตัวเองไปยังเครือข่ายทางสังคมของตนเช่นเพื่อนหรือครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น

                  youtube Myspace Flickr facebook หรือเครือข่ายอื่น ๆ โดยผู้ใช้เหล่านี้ไม่ได้มีอาชีพของสื่อและบล็อคเกอร์
                  แต่ในสมัยก่อนปี ค.ศ. 2010 นั้น ยูทูปเป็นสื่อแบบที่ถูกควบคุมโดยผู้ใช้ทั่วไปที่เป็นที่นิยมที่สุดในการรณรงค์
                  ทางการเมือง ขณะที่เฟซบุ๊กนั้นเพิ่งเริ่มต้นได้ไม่นาน อย่างไรก็ตาม พลังและการเติบโตของเครือข่ายการสื่อสาร

                  ใหม่นี้ทำาให้ผู้สมัครเองก็หันมาใช้เครือข่ายเหล่านี้ด้วยตัวเองมากขึ้น (เพิ่งอ้าง)


                          จากที่ได้กล่าวมานั้นสิ่งที่พึงตระหนักถึงก็คือ อินเทอร์เน็ตกับการเลือกตั้งนั้นไม่ใช่เรื่องเดียวกันกับ
                  อินเทอร์เน็ตกับการเมือง เพราะกิจกรรมออนไลน์ และยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของประชาชนโดยเฉพาะ

                  ในยุโรปนั้นมักจะเริ่มมาจากเครือข่ายการประท้วงและองค์กรที่มีแนวคิดทวนกระแส ที่มีแรงจูงใจในการใช้
                  เทคโนโลยีการสื่อสารแบบใหม่ ๆ ในการบรรลุวัตถุประสงค์ของตัวเอง เพื่อให้เป็นที่รู้จักและสามารถระดมผู้คน

                  เข้าร่วมกิจกรรมได้ การศึกษาของ Ward and Gibson (2009) พบว่า อินเทอร์เน็ตมีผลต่อการระดมผู้ชุมนุม
                  ในแบบครั้งเดียวจบ (one-off protest) และการสร้างเครือข่ายที่มีลักษณะชั่วคราว อนึ่งการจะทำาให้เครือข่าย

                  มีความต่อเนื่องยั่งยืนก็ยังจะต้องขึ้นกับความสามารถในการจัดองค์กรขององค์กรหรือขบวนการเคลื่อนไหวนั้น ๆ
                  (Ward and Gibson, 2009)


                          ข้อค้นพบในเรื่องความสำาคัญของการสื่อสารด้วยอินเทอร์เน็ตกับการจัดองค์กรทางการเมืองสอดคล้อง

                  กับการค้นพบของ Anstead and Chadwick (2009) ในเรื่องความสัมพันธ์แบบวิภาษวิธี (dialectical relationship)
                  ระหว่างเทคโนโลยีการสื่อสาร กับสถาบันทางการเมือง ทั้งในสหรัฐอเมริกา และ อังกฤษ กล่าวคือเทคโนโลยี

                  การสื่อสารนั้นมีผลต่อการเปลี่ยนรูป (reshape) ของสถาบันการเมือง แต่สถาบันการเมืองนั้นก็มีผลในขั้นสุดท้าย
                  ในการต่อรองและปรับเปลี่ยน (mediate) ผลของการสื่อสารทางการเมือง ภายใต้เงื่อนไขเชิงสถาบันห้าประการ
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69