Page 530 - kpiebook63010
P. 530
529
อีกเงื่อนไขหนึ่งที่ท�าให้การวิเคราะห์ชุมชนและการลงพื้นที่นั้นเป็นเรื่องที่สลับซับซ้อนในการเลือกตั้ง
ครั้งนี้ ก็คือการแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งการเลือกตั้งครั้งที่แล้วมีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 33 เขต มาคราวนี้เหลือ
30 เขต และมีถึง 17 เขตเลือกตั้งเดิมที่ไม่มีการขยับเขต แต่อีก 16 เขตเลือกตั้งเดิมมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่
ให้เหลือ 13 เขต ซึ่งในเรื่องนี้มีผลส�าคัญต่อการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตใดเขตหนึ่งของผู้สมัครเดิม
เช่นเคยอยู่เขตหนึ่ง ในรอบนี้เขตของตัวเองแบ่งเป็นสองส่วนไปรวมกับเขตอื่น ๆ ท�าให้ต้องพิจารณาว่าจะลง
เขตไหน นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนเขตยังมีผลท�าให้ต้องแสวงหาพันธมิตรและเครือข่ายในพื้นที่ใหม่
ที่พื้นที่เก่าของตนนั้นไปคาบเกี่ยวด้วย อาทิ หาทีมงาน หาสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภาเขต
และ ประธานชุมชนที่จะมาสนับสนุนฝ่ายตน
ในความเข้าใจโดยทั่วไปนั้นมักจะมองว่าชุมชนต้องพึ่ง “หัวคะแนน” และ บ้านมีรั้วนั้นไม่ต้องพึ่ง
หัวคะแนน ทั้งที่ในความจริงแล้ว ถ้าเราแยกค�าว่า หัวคะแนนออกจากการซื้อเสียงก่อน คือหน้าที่ของหัวคะแนนนั้น
มีหลายอย่างมากกว่าการซื้อเสียง เราอาจจะมองได้ว่า ชุมชนทั้งสองแบบนั้นมีหัวคะแนน กล่าวคือ หัวคะแนน
ที่ระดมเสียงในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นลักษณะพื้นฐานของชุมชน กับหัวคะแนนที่ระดมเสียงในระดับเมืองและระดับชาติ
ที่เรียกว่า influencer ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ทั่วเมือง ทั่วประเทศ ผ่านการโพสสื่อโซเชียลของตัวเอง
แม้ว่าการอภิปรายในส่วนนี้ จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องของการแบ่งแยกชุมชนออกเป็นสองแบบใหญ่คือ
ชุมชน กับบ้านมีรั้ว แต่มิติทางวัฒนธรรมนั้นก็มีความส�าคัญโดยเฉพาะในมิติของชุมชนเดิม (จะเห็นว่า ชุมชน
ไม่จ�าเป็นต้องเป็นชุมชนเก่าเสมอไป) แต่ความเป็นชุมชนเก่า อาทิ ชุมชนริมน�้า ชุมชนชาวสวน หรือกระทั่ง
ชุมชนอิสลาม ก็มีความเป็นชุมชนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของหัวคะแนนโดยตรง กล่าวคือ ตัวผู้สมัครมักจะไป
งานศพ งานแต่งงาน และบวช โดยผู้สมัครให้เหตุผลว่า งานเหล่านี้สามารถไปได้ทั้งปี ไม่จ�าเป็นต้องไป
ช่วงหาเสียง และ โดยโครงสร้างของชุมชนแบบนี้ จะมีญาติมาจากหลายพื้นที่ใกล้เคียง ท�าให้การไปงานหนึ่ง
เป็นที่รู้จักและเล่าขานกันต่อไปในพื้นที่โดยรอบ
4.4.2.3 ระบบอุปถัมภ์และพันธะสัญญา
สิ่งที่ควรตั้งค�าถามในเรื่องของระบบอุปถัมภ์ไม่ใช่แค่ค�าถามว่ามีหรือไม่มีระบบดังกล่าว หรือ เพียงแค่
ระบบอุปถัมภ์นั้นกลายสภาพเป็นแบบไหนกันแน่ แต่สิ่งที่ควรถามคือ รูปแบบของระบบอุปถัมภ์ในระดับมหานคร
ในกรุงเทพมหานครนั้นมีหน้าตาอย่างไร วิวัฒนาการมาอย่างไร และ มีความส�าคัญและบทบาทหน้าที่อย่างไร
ในการเลือกตั้งในรอบนี้
จากการวิเคราะห์ข้อมูล และ การลงพื้นที่สัมภาษณ์ทั้งตัวผู้สมัครและตัวประธานชุมชนเอง พบว่าระบบ
อุปถัมภ์ยังมีความส�าคัญในการเลือกตั้งในรอบนี้โดยเฉพาะในระดับชุมชน แม้ว่าจ�านวนชุมชนในแต่ละพื้นที่
จะมีน้อยกว่าจ�านวนชุมชนในรูปแบบอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งการมีการตั้งถิ่นฐานโดยขาดความเป็นชุมชน
เพราะขาดความเชื่อมโยงใด ๆ ทั้งนี้ เนื่องจากคะแนนที่สูสีกันในแต่ละเขตที่มีค่าเฉลี่ยของคะแนนที่ห่างกัน
ไม่มากนัก ระหว่าง ผู้ชนะการเลือกตั้ง กับผู้ที่ได้คะแนนเป็นอันดับสอง ใน 30 เขต คือ 4,651.9 คะแนน และบางเขต