Page 532 - kpiebook63010
P. 532
531
2. ระบบอุปถัมภ์ในระดับเขตและเมือง: ระบบอุปถัมภ์ที่เชื่อมกับชุมชนจากภายนอกในระดับแรก
คือ เขต ที่เป็นหน่วยงานระดับพื้นที่ของ กทม. ชุมชนนั้นมีความสัมพันธ์กับเขตด้วยงบประมาณที่มี
การจัดหาให้จากเขตผ่านงบพัฒนาชุมชน นอกเหนือไปจากงบประมาณทั่วไปที่ กทม.จะต้องจัดสรรลงไป
ในเขตอยู่แล้ว นอกจากความสัมพันธตรงระหว่างชุมชนกับเขตแล้ว ชุมชนยังมีความสัมพันธ์กับสมาชิกสภาเขต
(สข.) สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (สก.) และ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งสามต�าแหน่งนี้
เป็นนักการเมืองในระดับเมือง ที่จะต้องลงมาหาเสียงและสร้างความสัมพันธ์ในท้องที่และพึ่งพาซึ่งกันและกัน
รวมทั้งจัดสรรงบประมาณส่วนอื่นผ่านลงไปยังกลไกของการบริหารราชการของ กทม.
3. ระบบอุปถัมภ์ในระดับประเทศ: ระบบอุปถัมภ์ในระดับประเทศในรอบนี้มีเรื่องของนโยบาย
อุดหนุนจากรัฐ ที่ท�าอย่างเป็นระบบ อาทิ นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่เรียกง่าย ๆ “บัตรคนจน”
ซึ่งข้อกังวลในรอบนี้ของผู้ลงคะแนนจ�านวนไม่น้อยในชุมชน เชื่อว่าถ้าไม่เลือกพรรคพลังประชารัฐ โครงการ
ดังกล่าวอาจถูกล้มเลิกได้
4.4.2.4 การใช้สื่อ และการใช้งบประมาณ
การใช้สื่อในการเลือกตั้งในรอบนี้ แบ่งได้เป็นสองส่วน คือ สื่อเดิมและสื่อใหม่หรือสื่อโซเชียล
การใช้สื่อเดิม: ประกอบด้วยการแจกแผ่นพับ แผ่นพก ป้ายหาเสียง รวมไปถึงขบวนหาเสียงทั้งรถแห่
และการเดินเท้าเข้าพบประชาชน
แผ่นพับและแผ่นพกยังมีความจ�าเป็นอยู่ในสองประการ หนึ่งคือ มีไว้เพื่อการแนะน�าตัวกับประชาชน
ถือเป็นธรรมเนียมในการมอบของแนะน�าตัว ขณะที่หาเสียงพบปะประชาชน สองคือ มีไว้เพื่อให้กับประชาชน
ได้ทราบถึงเนื้อหาหลักที่ผู้สมัครและพรรคต้องการน�าเสนอ โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบายหลักของพรรค
และผู้สมัคร
อย่างไรก็ตาม ในรอบนี้มีกรอบกฎหมายที่เปลี่ยนไปที่ก�ากับการแจกแผ่นพับนั่นก็คือ การแจกแผ่นพับ
และแผ่นพกนั้นจะต้องแจกจากมือของผู้สมัคร และ ผู้ช่วยหาเสียงที่ลงทะเบียนกับ กกต. เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตาม
ระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิก
สภาผู้แทนราษฎร
ส�าหรับป้ายหาเสียงนั้น ป้ายหาเสียงก็ยังคงมีบทบาทในการน�าเสนอนโยบายและภาพลักษณ์ของ
ผู้สมัครและของพรรคเช่นเคย ประเด็นท้าทายในรอบนี้มีสองเรื่อง หนึ่งคือ ด้วยการเปลี่ยนระบบเลือกตั้งใหม่ ท�าให้
พรรคการเมืองมีเลขไม่ตรงกันในแต่ละเขต จึงท�าให้เกิดการตั้งค�าถามในหมู่ผู้สมัครว่าป้ายจะมีผลไหม เพราะพื้นที่
ในกรุงเทพนั้นติด ๆ กัน และมี 30 เขต ซึ่งอาจท�าให้เกิดความสับสนส�าหรับคนในกรุงเทพฯ ที่เดินทางมากกว่า
หนึ่งเขต นอกจากนั้น ในรอบนี้กฎระเบียบเรื่องการติดป้ายนั้นออกมาช้ากว่าที่เคยผ่านมา ท�าให้มีช่วงที่ผู้สมัคร
ติดป้ายไปก่อน แล้วต้องรื้อออกมา โดยการจะติดป้ายหาเสียงเลือกตั้งได้นั้นต้องรอการประกาศพระราชกฤษฎีกา