Page 531 - kpiebook63010
P. 531
530 การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 กรุงเทพมหานคร
ก็ห่างกันไม่ถึง 200 คะแนน ดังนั้นระบบอุปถัมภ์นั้นก็อาจจะส่งผลที่ท�าให้ผลการเลือกตั้งพลิกผันได้ เพราะคะแนนเสียง
ที่เชื่อมโยงกับระบบอุปถัมภ์นั้นอาจจะเป็นกลุ่มเป็นก้อนกว่า
การอธิบายเช่นนี้ดูจะมีน�้าหนักมากกว่าการอธิบายว่าเขตเลือกตั้งทั้งเขตเป็นเขตที่ระบบอุปถัมภ์นั้น
คงอยู่หรือแปรสภาพไป โดยปราศจากความเข้าใจระบบที่ซับซ้อนและบทบาทของระบบอุปถัมภ์ที่มีต่อภาพรวม
ของการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้เงื่อนไขกฎกติกาที่มุ่งหมายให้การเลือกตั้งเป็นหน้าที่ หากใคร
ไม่ไปเลือกตั้งจะเสียสิทธิทางการเมือง ซึ่งมีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 (มาตรา 68) เรื่อยมาจนถึง รัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2560 (มาตรา 50 (7))
สิ่งที่ควรพิจารณาก็คือระบบอุปถัมภ์ไม่เท่ากับการใช้เงินซื้อเสียง แต่หมายถึงการมีอิทธิพล
ต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงเลือกตั้งซึ่งอาจจะไม่ผิดกฎหมายเลือกตั้งโดยตรง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนิยามของกฎหมาย
และนิยามของธรรมเนียมในสังคมนั้น ๆ
อาจกล่าวได้ว่าระบบอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานครนั้นมีอยู่ในสามระดับ
1. ระบบอุปถัมภ์ในระดับชุมชน: ระบบอุปถัมน์ในระดับชุมชนนั้นอาจมีในสองแบบคือ ระบบอุปถัมภ์
ในชุมชนดั้งเดิมที่มีโครงสร้างวัฒนธรรมแบบเดิม อาทิ การมีผู้อาวุโสในพื้นที่ หรือ การมีวัดที่เป็นศูนย์กลาง
กับระบบอุปถัมภ์ในชุมชน ซึ่งอาจจะมีการทับซ้อนกันบางส่วนได้
ระบบอุปถัมภ์ในชุมชนนั้นเป็นระบบที่มีความเป็นทางการและลงลึกถึงพื้นที่ กล่าวคือมีโครงสร้าง
ของคณะกรรมการชุมชนรองรับ (โครงสร้างที่เป็นทางการในกรอบกฎหมาย และ งบประมาณ) และมีหัวหน้า
คือประธานชุมชน ผู้น�าชุมชนมีหน้าที่ในการรวบรวมความต้องการและต่อรองเอาผลประโยชน์จากภายนอก
ชุมชนเข้ามาพัฒนาชุมชน
อย่างไรก็ตาม ประธานชุมชนนั้นไม่ได้มีอ�านาจและอิทธิพลที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาดคนเดียว เพราะว่า
ยังมีกรรมการชุมชนอีกหลายคน (ในความหมายนี้ หัวคะแนนจึงมีหลายคนได้ในชุมชนหนึ่ง) รวมทั้งยังมี
ฝ่ายตรงข้าม หรือฝ่ายอื่น ๆ ในพื้นที่ชุมชนอีก เมื่อนักการเมืองติดต่อมายังพื้นที่เขาก็อาจจะติดต่อไปยังผู้น�าคนอื่น ๆ
ในพื้นที่ ไม่ใช่เฉพาะประธานชุมชน
ระบบอุปถัมภ์ในกรุงเทพมหานครไม่ได้มีลักษณะที่รวมศูนย์และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด การให้สัญญาว่า
จะไปเลือกใครตามที่ให้ไว้กับประธานชุมชนนั้น ก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่จะต้องปฏิบัติในแบบที่เคร่งครัดตายตัว
ในกรณีที่การหาเสียงเป็นไปในระดับที่ไม่มีเรื่องเงินมาเกี่ยวข้อง
ในการหาเสียงในชุมชนนั้น จะมีธรรมเนียมว่าผู้สมัครนั้นจะต้องแจ้งแก่ประธานชุมชนเสียก่อนที่จะ
“ลงชุมชน” ซึ่งหากประธานชุมชนสนับสนุน ประธานชุมชนจะเป็นผู้ที่ “พาเดิน” ไปในชุมชน แต่ถ้าประธานชุมชน
ไม่ได้สนับสนุน ก็อาจจะเพียงบอกว่า “ไม่พาเดิน” แต่ผู้สมัครนั้นก็อาจจะเดินลงพื้นที่เอง แต่ผู้สมัครหลายคน
ก็คิดว่าไม่ควรลงไปในพื้นที่/ชุมชน เพราะเท่ากับเป็นสัญลักษณ์ว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากประธานชุมชน