Page 54 - kpiebook63006
P. 54

54    การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง
                 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา






             ร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงข้อดีของระบบเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร “แบบจัดสรรปันส่วนผสม”

             โดยสรุปว่า นอกจากจะไม่ทำาให้คะแนนของประชาชนสูญไปโดยเปล่าประโยชน์ ระบบเลือกตั้งสมาชิก
             สภาผู้แทนราษฎรระบบนี้ยังเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย และจะทำาให้ทุกพรรคคัดเลือกคนที่ดีที่สุด

             มาเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยได้อธิบายประโยชน์ของระบบเลือกตั้งแบบจัดสรร
             ปันส่วนผสมไว้ดังนี้ (“มีชัย” ยืนยันเลือกตั้งจัดสรรปันส่วน แจง 7 ข้อดี-ช่วยปรองดอง, ใน MGR ONLINE,

             2 พฤศจิกายน 2558 (ออนไลน์). 1 มีนาคม 2562, แหล่งที่มา https://mgronline.com/daily/
             detail/95800001222382558)


                      1. เคารพเสียงของประชาชนทุกคะแนนจะไม่สูญเปล่า


                      2. ไม่คำานึงถึงประโยชน์ของพรรคการเมืองใด แต่มุ่งให้คะแนนของประชาชนมีนำ้าหนักในการ

             ออกเสียงเลือกตั้งมากที่สุด

                      3. เป็นการสร้างความปรองดอง คือ ให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคตามความเหมาะสม


                      4. สร้างระบบเลือกตั้งที่เหมาะสมกับบริบทสังคมไทย เลือกปรับใช้ในส่วนที่เป็นประโยชน์


                      5. แก้ไขปัญหาการจัดสรรงบประมาณ ที่อิงเฉพาะพื้นที่ฐานเสียงของพรรคตน


                      6. พรรคจะคัดเลือกคนดีลงสมัครรับเลือกตั้ง เพื่อหวังคะแนนไปคำานวณเป็นสมาชิกสภาผู้แทน

             ราษฎรบัญชีรายชื่อ


                      7. คำานึงถึงคะแนนเสียงของประชาชน ที่ถูกทิ้งไปอย่างไม่เป็นธรรม


                      อย่างไรก็ตาม ระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมนี้ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก

             เช่น ประจักษ์ ก้องกีรติ (“ระบบการเลือกตั้ง”จัดสรรปันส่วนผสม”: ปัญหาและทางออก,” ใน ประชาไท.
             2 กุมภาพันธ์ 2559 (ออนไลน์), 2 มีนาคม 2562, แหล่งที่มา https://prachatai.com/journal/2016/

             02/64002) เห็นว่า ปัญหาใหญ่ของระบบนี้ซึ่งทำาให้ประเทศส่วนใหญ่ไม่มีใครใช้ หรือที่เคยใช้ก็เลิกใช้แล้ว
             คือ สร้างความสับสนและทำาให้คะแนนไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะบัตรใบเดียวแต่คะแนน

             กลับถูกนับสองครั้งทั้งในระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ และสร้างระบบที่ไม่ยุติธรรมคือ ยิ่งพรรคได้ที่นั่ง
             ในระบบเขตมากขึ้นเท่าใด กลับยิ่งได้ผู้แทนในระบบบัญชีรายชื่อน้อยลงตามนั้น นอกจากนั้นยังไม่สามารถ

             แยกแยะและสะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ว่าประชาชนต้องการเลือกพรรคหรือเลือกตัวบุคคล
             เพราะปิดกั้นโอกาสในการใช้สิทธิอย่างเสรี บีบให้เลือกได้แค่คะแนนเดียว ในขณะที่ระบบที่มีบัตรเลือกตั้ง

             สองใบทำาให้ประชาชนมีสิทธิเต็มที่กล่าวคือ “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ” ดังที่พบในงานวิจัยจำานวน
             มากว่าในระยะสิบกว่าปีที่ผ่านมาคนไทยใช้สิทธิอย่างชาญฉลาดและมียุทธศาสตร์มากขึ้น คือ ในระบบ

             บัญชีรายชื่อจะเลือกพรรคที่ตนอยากให้เป็นรัฐบาลเพราะชอบนโยบาย แต่ในระบบเขตอาจจะไม่เลือกคน
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59