Page 58 - kpiebook63006
P. 58

58    การศึกษาความเคลื่อนไหวทางการเมืองและพฤติกรรมการเลือกตั้ง
                 สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2562 จังหวัดสงขลา






                      อย่างไรก็ตาม ข้อจำากัดของแนวคิดทฤษฎีนี้ในการอธิบายพฤติกรรมทางการเมือง การใช้

             สิทธิเลือกตั้งโดยเฉพาะการตัดสินใจเลือกผู้สมัครและพรรคการเมืองจากนโยบายหาเสียงเป็นไปตามที่
             Jon Elster (1986: 4) ได้อธิบายไว้ว่า เมื่อมนุษย์เราตกอยู่ในสถานการณ์ของการเลือก เราจะอาศัย

             กระบวนการ 3 ขั้นตอนด้วยกันในการตัดสินใจเลือกอย่างมีเหตุผลคือ


                      ขั้นแรก เราจะพยายามจัดการต่อ “ชุดของความเป็นไปได้ (feasible set)” ซึ่งเป็นชุดของแนวทาง
             ของการกระทำา (course of action) ทั้งหมด ซึ่งเราเชื่ออย่างมีเหตุผลว่า จะเป็นแนวทางที่ทำาให้เราบรรลุ

             ผลที่เราต้องการภายใต้ข้อจำากัดที่หลากหลายทั้งในทางตรรกะ ลักษณะทางกายภาพและทางเศรษฐกิจ
             ขั้นนี้ก็คือ ขั้นของการประเมินความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ต้องการจากแนวทางทั้งหมด

             ที่เรามีอยู่


                      ขั้นที่สอง หลังจากที่เราประเมินความเป็นไปได้ของแนวทางต่างๆ ที่จะทำาให้เราบรรลุเป้าหมายแล้ว
             เราจะเข้าสู่การพิจารณา “ชุดของความเชื่อที่มีเหตุผล (set of rational beliefs)” ซึ่งเกี่ยวโยงกับ
             โครงสร้างเชิงเหตุ (causal structure) ของสถานการณ์ในการเลือกที่เป็นตัวกำาหนดว่าแนวทางของ

             การกระทำาใด เมื่อตัดสินใจเลือกแล้วจะนำาไปสู่ผลลัพธ์อะไร ขั้นนี้จะทำาให้เรามองเห็นว่าแต่ละแนวทาง

             มีความแตกต่างกันอย่างไร จะนำาไปสู่ผลลัพธ์อะไร

                      ขั้นสุดท้ายคือ การจัดลำาดับของแนวทางของการกระทำาที่มีความเป็นไปได้ทั้งหมด ซึ่งโดยปกติ

             มักจะขึ้นอยู่กับว่าแนวทางของการกระทำาจะให้ผลลัพธ์ออกมาอย่างไร เมื่อครบกระบวนการแล้วจะนำาไปสู่
             การตัดสินใจเลือก การตัดสินใจเลือกอย่างมีเหตุผลก็คือ การเลือกแนวทางของการกระทำาที่อยู่ในลำาดับ

             สูงสุดจากชุดของความเป็นไปได้ดังกล่าว







             6. แนวคิดว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างบริบทหรือโครงสร้าง

             กับผู้กระท�า



                      แนวคิดนี้เสนอว่า การพิจารณาบริบทหรือโครงสร้าง (structure) ก็คือ การศึกษารูปแบบของ
             ความสัมพันธ์ทางสังคม (patterns of social relations) หรือรูปแบบของการกระทำาต่อกันในทางสังคม

             (social interactions) ซึ่งดำารงอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนานและสามารถสืบทอดรูปแบบความสัมพันธ์ต่อ
             ไปได้เรื่อยๆ แต่ก็สามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงได้เช่นเดียวกัน (อนุสรณ์ ลิ่มมณี, 2539: 18 อ้างถึงใน

             บูฆอรี ยีหมะ 2555: 20-21) ในแง่นี้โครงสร้างจึงทำาหน้าที่ ในการกำาหนดขอบเขตความเป็นไปได้ใน
             การกระทำาต่อผู้กระทำา (actor) หรือกำาหนดพฤติกรรมของคนในสังคมว่าสิ่งใดกระทำาได้ สิ่งใดไม่สามารถ

             กระทำาได้ หรือกระทำาแล้วยากที่จะบรรลุผลสำาเร็จ โครงสร้างจึงเป็นได้ทั้งกรอบจำากัด (Constraint) และโอกาส
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63