Page 47 - kpiebook63006
P. 47
47
ที่สองด้วยและเริ่มนับคะแนนจนกระทั่งคนที่สองได้คะแนนครบตามโควตา 50,001 คะแนน กระบวนการ
นี้จะดำาเนินการต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ผู้สมัครครบตามจำานวน 5 ที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุที่ระบบนี้ยุ่งยาก ซับซ้อน จึงเป็นระบบที่ได้รับความนิยมน้อยที่สุด
มีเพียง 2-3 ประเทศเท่านั้นที่ใช้ เช่น การเลือกตั้งวุฒิสภาของออสเตรเลีย
ข้อดีของระบบถ่ายโอนคะแนนเสียง
1. ความเป็นตัวแทนของผู้แทนที่ครอบคลุมคนทุกกลุ่มตามสัดส่วนของคะแนน แม้กระทั่ง
ชนกลุ่มน้อยก็มีโอกาสชนะเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง ซึ่งมีตัวแทนได้หลายคน หรือผู้สมัครอิสระ
ก็มีโอกาสชนะเลือกตั้งได้เช่นเดียวกัน
2. ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีอิสระในการเลือกผู้สมัครแต่ละคนตามลำาดับความชอบ แตกต่างจาก
ระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองเป็นผู้จัดลำาดับผู้สมัคร โดยผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
ไม่มีอิสระในการเลือกผู้สมัครเพราะต้องเลือกเป็นพรรค
3. ลดบทบาทของพรรคเพิ่มอำานาจของผู้สมัคร ในการได้มาซึ่งโอกาสและคะแนนเสียงให้ได้
ชัยชนะในการเลือกตั้ง เมื่อเทียบกับระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งพรรคการเมือง
มีอำานาจเหนือผู้สมัครในการจัดลำาดับรายชื่อ แต่ระบบถ่ายโอนคะแนนเสียงได้โอนอำานาจ
ไปให้แก่ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งแทนพรรค ซึ่งหมายถึงโอกาสที่ผู้สมัครจะชนะเลือกตั้ง ได้เป็น
ตัวแทนมีมากกว่าในระบบสัดส่วนแบบบัญชีรายชื่อที่ถูกกำาหนดโดยพรรค
ข้อเสียของระบบนี้
1. ความยุ่งยาก ซับซ้อนในการลงคะแนน เนื่องจากต้องระบุความนิยมเรียงตามลำาดับ ในสังคม
ที่ประชาชนยังมีอัตราการรู้หนังสือตำ่า มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาบัตรเสียสูง
2. ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทนกับประชาชน เนื่องจากเขตเลือกตั้งมีขนาดใหญ่ พื้นที่
รับผิดชอบของตัวแทนจึงกว้างใหญ่ ตัวแทนกับประชาชนในพื้นที่ย่อมยากลำาบากในการ
สร้างความใกล้ชิดเพื่อรับรู้ปัญหาต่างๆ
3. ความยากลำาบากต่อคณะผู้จัดการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในด้านการนับคะแนนเพื่อหาผู้ชนะ
เลือกตั้ง เนื่องจากมีความซับซ้อน หากขาดเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น คอมพิวเตอร์ช่วย
ในการนับและคำานวณคะแนนก็จะทำาให้การนับคะแนนและการประกาศผลล่าช้า