Page 45 - kpiebook63006
P. 45

45








                  ในเขตเลือกตั้ง ผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งจะลงคะแนนเลือกเป็นพรรค ไม่ใช่เลือกเป็นรายบุคคล การคิดคะแนน

                  หาผู้ชนะเลือกตั้ง จะนำาคะแนนที่แต่ละพรรคได้รับมาคำานวณ เพื่อหาสัดส่วนว่าแต่ละพรรคจะได้ที่นั่งกี่ที่นั่ง
                  และใครบ้างที่ได้รับการเลือกตั้งเรียงตามลำาดับที่ระบุไว้ในบัญชีรายชื่อ


                          ข้อดีของระบบนี้


                          1.  ความเป็นตัวแทนครอบคลุมคนทุกกลุ่ม เพราะเปิดโอกาสให้กับพรรคการเมืองขนาดเล็ก

                              ที่เป็นตัวแทนของคนเฉพาะกลุ่ม มีฐานเสียงสนับสนุนไม่มากนัก เช่น ชนกลุ่มน้อยได้มี
                              โอกาสชนะเลือกตั้งแข่งขันกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่ได้


                          2.  การทำาให้ทุกคะแนนเสียงมีความหมาย ไม่สูญเปล่าเพราะถูกนำาไปคำานวณหาสัดส่วนที่นั่ง
                              ส่งผลในทางจิตวิทยา ทำาให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองขนาดเล็ก

                              อยากไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อัตราการไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งหรือ “นอนหลับทับสิทธิ์” น้อยลง
                              เพราะเชื่อว่าคะแนนเสียงของตนเองก็มีความหมายต่ออนาคตทางการเมืองของประเทศ


                          3.  ความเข้าใจที่ง่าย ไม่ยุ่งยากซับซ้อนสำาหรับผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะลงคะแนนเลือกเป็นพรรค

                              ในขณะเดียวกันก็เป็นการส่งเสริมความเข้มแข็งของพรรคการเมือง และความสัมพันธ์ระหว่าง
                              พรรคการเมืองกับประชาชน


                          ข้อเสียของระบบนี้


                          1.  ความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างผู้แทนกับประชาชนในเขตเลือกตั้งขาดหายไป เนื่องจาก

                              ประชาชนตัดสินใจเลือกด้วยการพิจารณาพรรคแทนการพิจารณาตัวบุคคล ซึ่งพรรคเป็น
                              ผู้สรรหามาให้ในบัญชีรายชื่อ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีอำานาจน้อยในการกำาหนดคุณสมบัติของ

                              บุคคลที่จะมาเป็นตัวแทนในเขตเลือกตั้ง อีกทั้งหากใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง ผู้สมัคร
                              จำานวนมากในบัญชีรายชื่ออาจไม่เป็นที่รู้จักของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งในแต่ละพื้นที่


                          2.  การเกิดระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรค (multiparty system) สืบเนื่องจากพรรคการเมือง

                              ต่างๆ รวมถึงพรรคการเมืองขนาดเล็กมีโอกาสจะได้รับการเลือกตั้ง ส่งผลให้พรรคการเมือง
                              ที่มีตัวแทนเข้าสู่สภามีจำานวนมาก มีความแตกต่างทางอุดมการณ์และความคิดทางการเมือง

                              สูง และนำาไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรค ซึ่งมีปัญหาทำาให้ขาดความเป็นเอกภาพ
                              ด้านนโยบายและปัญหาเสถียรภาพของรัฐบาล ในขณะเดียวกันก็ทำาให้ประชาชนไม่สามารถ

                              ตรวจสอบการทำางานของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ต่างจากระบบพหุนิยมและระบบเสียงข้างมาก
                              ที่รัฐบาลมักเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งง่ายต่อการตรวจสอบและการตัดสินใจในการเลือกตั้ง

                              ครั้งต่อไป
   40   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50