Page 196 - kpiebook62014
P. 196
เสียง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะเกี่ยวกับการเมืองการปกครองนั้น ยังเป็นเรื่องที่เข้าใจยากกับคนในชุมชน
เพราะมีการปะทะกันของชุดความรู้กับความเชื่อที่คนในชุมชนเคยปฏิบัติกันมา ซึ่งมีส่วนที่จะ
ก่อให้เกิดการต่อต้านชุดความรู้เรื่องความเป็นพลเมืองกับการสร้างชุมชนเข้มแข็งได้ ดังนั้น การ
เสริมสร้างความรู้ให้เกิดประสิทธิภาพในระดับชุมชนจึงควรเริ่มจากชุดกิจกรรมที่ไม่ท้าทายมาก
หรือขัดกับความเชื่อของคนในชุมชนก่อนหน้านี้มากนัก เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องและก่อร่าง
พฤติกรรมการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนให้เป็นความ “คุ้นชิน” ต่อเนื่องเสียก่อน ส่วนกิจกรรมที่มี
ความท้าทายและปะทะกับความเชื่อและพฤติกรรมดั้งเดิมของชุมชนอาจจ าเป็นต้องพิจารณาน ามา
ด าเนินการในช่วงระยะเวลาที่เหมาะสม หรืออาจพิจารณาสอดแทรกองค์ความรู้ดังกล่าวเป็นระยะ
แทนการมุ่งด าเนินการเรื่องนั้นโดยตรงในทันที
กล่าวโดยสรุปได้ว่า การสร้างความเป็นพลเมือง ผ่านการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจควบคู่กับการ
ส่งเสริมให้เกิดการลงมือปฏิบัติกิจกรรมบางอย่างนั้นเป็นสิ่งที่จ าเป็น อย่างไรก็ตาม การเลือกกิจกรรมที่จะน ามา
ด าเนินการส่งเสริมความเป็นพลเมืองและสร้างชุมชนเข้มแข็งนั้น นอกจากจะต้องเป็นสิ่งที่คนในชุมชนต้องการ
อย่างแท้จริง โดยเกิดจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนแล้ว ยังจ าเป็นต้อง พิจารณาให้มีความเหมาะสมกับ
บริบททางสังคมการเมืองในขณะนั้นด้วย
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า ในส่วนของวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 เรื่องการศึกษากระบวนการพัฒนาชุมชนพลเมือง
เข้มแข็งในการส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงนั้น ยังเป็นเรื่องที่มีความท้าทายอยู่อย่าง
มาก การพิจารณาส่งเสริมกิจกรรมนี้เพื่อน าสู่การสร้างชุมชนพลเมืองเข้มแข็ง ต้องเกิดจากความพร้อมของทุกฝ่าย
อย่างแท้จริง ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่เหมาะสมและเปิดมากพอที่จะด าเนินการ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิด
ความลังเลและเข้ามาร่วมปฏิบัติการได้อย่างไม่เต็มที่ของทุกฝ่ายเนื่องจากเกรงข้อกฎหมาย
ดังนั้น กระบวนการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องของความเป็นพลเมือง และการมีส่วนร่วมทางการ
เมืองในการส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งและคุณภาพประชาธิปไตย โดยการหยิบยกตัวอย่างเรื่องของการเมืองการ
ปกครองและการเลือกตั้งมากล่าวถึงในฐานะกรณีตัวอย่างอาจท าได้ อย่างไรก็ตาม ต้องกระท าอย่างค่อยเป็นค่อย
ไป สม ่าเสมอ และโดยหน่วยงานภาครัฐจะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะในมุมมองของคนในชุมชนแล้ว
วัฒนธรรมหน่วยเหนือยังมีอิทธิพลต่อความเชื่ออยู่อย่างมาก ถึงอย่างนั้นการใช้วิธีจู่โจมไม่อาจประสบ
ความส าเร็จในการปรับทัศนคติในเรื่องการเลือกตั้งที่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงได้ เพราะเรื่องดังกล่าวท้าทายกับความ
เชื่อและผลประโยชน์ที่คนในชุมชนอาจเคยได้รับมาในอดีต ไม่ว่าจะกระท าโดยผู้ใด ไม่ว่าจะเป็นคนในหรือนอก
ชุมชน อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่าหน่วยงานภาครัฐนั้นมีภารกิจมากการลงพื้นที่อย่างสม ่าเสมออาจเป็น
การยาก ด้วยเหตุนี้ การแสวงหากลุ่มผู้มีศักยภาพและมีใจอาสาท ากิจกรรมเพื่อชุมชนเพื่อเสริมและปรับทัศนคติ
180