Page 193 - kpiebook62014
P. 193
ส่งผลให้เกิดการจับตามองซึ่งกันและกันระหว่างผู้สมัครต่อผู้สมัครและระหว่างคนในชุมชนต่อผู้สมัคร แม้ว่า
ลึกๆแล้วการจ่ายทรัพย์สินเงินทองนั้นจะยังเป็นที่รอคอย แต่หากฝ่ายใดที่เริ่มจ่ายแจกก่อนนั่นคือการ “ผิดค ามั่น”
ที่ประกาศต่อคนทั้งต าบล ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าวไม่เหมาะสมที่จะได้รับเลือกเป็นผู้น าอย่างแน่นอน ขณะที่ การที่
ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินของผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ได้ช่วยตัดเงื่อนไขของการตัดสินใจ จากเงินให้เหลือเพียงผลงานที่
ผ่านมาและความเป็นญาติ
ในแง่นี้จึงกล่าวได้ว่ากิจกรรมรณรงค์การเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงเพื่อส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งและ
สมานฉันท์นั้น โดยตัวของกิจกรรมอาจประสบความส าเร็จในการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงได้ อย่างไรก็ตาม
ในแง่ของคุณภาพของโครงการในการสร้างให้เกิดชุมชนที่มีความเข้มแข็ง และการธ ารงไว้ซึ่งความสมานฉันท์
ของคนในชุมชนภายหลังการเลือกตั้งนั้น จะต้องเกิดจากเงื่อนไขอื่นเป็นตัวประกอบที่ส าคัญคือเรื่องของความ
เข้าใจของคนในชุมชนทั้งผู้น าและผู้ตามต่อเรื่องความส าคัญของการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในฐานะ
บทบาทในการมีส่วนร่วมของพลเมืองประการหนึ่งในการส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งและประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ
ในส่วนของประชำชนในหมู่ที่ 2 นั้น ผลจากการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องภายหลังการจัดประชุมเชิง
ปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการมีส่วนร่วมของพลเมืองในการสร้างชุมชนเข้มแข็งผ่าน
กิจกรรมเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงไประยะหนึ่งพบว่าผู้น าชุมชนส่วนใหญ่สะท้อนว่าคนในชุมชนโดยเฉลี่ย
ร้อยละ 50 เท่านั้นที่เห็นด้วยกับกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียง โดยส่วนใหญ่มีการพูดคุยกันปากต่อ
ปากเป็นกระแสซึ่งเป็นระดับการมีส่วนร่วมในระดับที่ง่ายที่สุดและต ่าที่สุด ผู้น าท้องที่ท่านหนึ่ง กล่าวว่าคนใน
ชุมชนยังคงให้ความร่วมมือน้อย
การสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างในหมู่ที่ 2 ที่มีกิจกรรมเดินรณรงค์ส่งเสริมการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียง
โดยจิตอาสา แสดงให้เห็นว่าคนในชุมชนมีความเห็นแบ่งเป็น 3 ส่วนคือส่วนที่เห็นด้วยกับการส่งเสริมชุมชน
เข้มแข็งผ่านกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียง กลุ่มที่ไม่แสดงท่าที และกลุ่มที่แสดงท่าทีอย่างชัดเจน
ว่าไม่เห็นด้วย ดังที่ ส.น. ผู้น าชุมชนผู้หนึ่งสะท้อนให้ฟังว่า บางพวกก็บอกว่า “ชังขี้หน้า ท าไมเข้ามาบ่อยแท้” สิ่ง
นี้แสดงให้เห็นว่าการจัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใน 1 เวทีที่หมู่ที่ 2 แม้จะมีผล
สะท้อนที่ดีในการแสดงความคิดเห็นและผู้ที่เข้าร่วมก็มีค่าคะแนนความรู้เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้น กระนั้นอาจไม่เพียงพอ
ต่อการสร้างความเข้าใจบทบาทของพลเมืองในการส่งเสริมประชาธิปไตยให้แก่คนทั้งหมู่บ้าน
ผลจากการสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างในหมู่ที่ 2 ได้สะท้อนให้เห็นว่าในส่วนของผู้ที่เห็นด้วยกับการท า
กิจกรรมรณรงค์นี้ มีบางส่วนที่พร้อมจะเข้าร่วมกิจกรรม แต่บางส่วนแม้จะเห็นด้วยแต่ไม่ขอเข้าร่วมกิจกรรมด้วย
เหตุผลเรื่องการไม่มีเวลา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า กระบวนการใช้กิจกรรมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมเรื่องความเป็น
พลเมืองผ่านการลงมือปฏิบัตินั้นสามารถสร้างความสนใจอยากเข้ามามีส่วนร่วมของคนในชุมชนได้ด้วยเหตุผล
177