Page 194 - kpiebook62014
P. 194

ต่างๆไม่ว่าจะเป็น “ความอยากรู้” หรือ การอยากเข้ามาช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดี ต้องการสร้าง

               ประโยชน์ให้แก่ชุมชน
                       อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงสถานการณ์การเข้ามามีส่วนร่วมของคนในชุมชนที่เกิดขึ้นจริงจะพบได้

               ว่า ในการเดินรณรงค์ส่งเสริมการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงของกลุ่มจิตอาสาทั้ง 3 ครั้ง ไม่มีคนในชุมชนคนใด

               ที่ออกมาร่วมเดินรณรงค์พร้อมกลุ่มจิตอาสาสักคนเดียว แม้จะมีผู้ที่ให้สัมภาษณ์ว่ามีความสนใจเข้าร่วมกิจกรรม

               รณรงค์ก็ตาม สิ่งนี้อาจสะท้อนให้เห็นข้อจ ากัด 2 ประการ ประการแรก อาจเป็นเพราะในการเดินรณรงค์ครั้งนี้จิต
               อาสาไม่ได้มีการประสานชวนชาวบ้านให้ร่วมเดินรณรงค์ทั้งก่อนหน้าและระหว่างการเดินรณรงค์ ท าให้คนใน

               ชุมชนเข้าใจว่ากิจกรรมนี้จัดขึ้นเฉพาะจิตอาสาและอสม.เท่านั้น ประการที่สอง อาจเป็นเพราะวัฒนธรรมการมี

               ส่วนร่วมที่คนในชุมชนคุ้นเคยคือการเข้าร่วมการประชุม และกิจกรรมบ าเพ็ญประโยชน์อื่นๆอาทิ การท าความ

               สะอาดชุมชน เป็นต้น ดังนั้น เมื่อเป็นกิจกรรมที่แตกต่างออกไปจึงอาจท าให้เกิดข้อสงสัยว่าจะต้องปฏิบัติตน
               อย่างไร รวมทั้งจะต้องลงทุนเรื่องใดบ้าง จากเงื่อนไข 2 ประการนี้ อาจส่งผลเป็นสาเหตุให้คนในชุมชนส่วนหนึ่ง

               แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดที่มีความสนใจในกิจกรรมเข้าใจความส าคัญของการท ากิจกรรมเพื่อส่งเสริมชุมชนเข้มแข็ง

               และมีความสนใจอยากเข้าร่วมกิจกรรมไม่ยังไม่มีพฤติกรรมการแสดงออกซึ่งการมีส่วนร่วมในรูปแบบที่ชัดเจน
               นอกเหนือจากการเข้าร่วมเวทีประชุม

                       ดังนั้น จากผลการสร้างความเป็นพลเมือง ผ่านการเสริมความรู้ และการกิจกรรมเฉพาะตามความ

               ต้องการของพื้นที่ทั้งในระดับผู้น าและคนในชุมชนข้างต้น สรุปได้ว่ากระบวนการเสริมสร้างความรู้เรื่องความ
               เป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย มีความสัมพันธ์กับการสร้างความเข้าใจบทบาทของพลเมืองแก่

               กลุ่มเป้าหมาย อันจะส่งผลต่อการแสดงออกซึ่งการมีส่วนร่วม อาทิ การมีส่วนร่วมคิด ร่วมแสดงความคิดเห็น

               และร่วมกิจกรรมรณรงค์ในเวลาต่อมา
                       อย่างไรก็ตาม การแสดงออกในการมีส่วนร่วมของพลเมืองจะแตกต่างกันออกไปตามบทบาทหน้าที่และ

               โอกาส กล่าวคือ ในขณะที่ผู้น าชุมชนจะมีโอกาสในการแสดงออกซึ่งการมีส่วนร่วมในการรณรงค์กิจกรรม

               ส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านเสียงตามสาย หรือในการประชุมประชาคมหมู่บ้าน รวมไป

               ถึงการประชุมของหน่วยงานราชการต่างๆที่อาจใช้เป็นเวทีในการเผยแพร่ความรู้ได้ ด้านจิตอาสาที่เข้าร่วม
               กิจกรรมมีส่วนร่วมผ่านการเดินรณรงค์และประชาสัมพันธ์ผ่านครัวเรือนที่อยู่ในการดูแลของตนมากที่สุด

               ขณะที่ประชาชนจะมีส่วนร่วมในระดับของการพูดจาแลกเปลี่ยนกันระหว่างกลุ่มและในเวทีประชุมมากที่สุด แต่

               ยังไม่ปรากฏว่ามีส่วนร่วมในการรณรงค์อื่น อาทิ ในการเดินรณรงค์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะไม่มีการ
               ประชาสัมพันธ์เชิญชวนจากจิตอาสาให้ประชาชนได้เข้าร่วมเดินรณรงค์ด้วย









                                                                                                         178
   189   190   191   192   193   194   195   196   197   198   199