Page 189 - kpiebook62014
P. 189

จากข้างต้น แสดงให้เห็นว่าเรื่องของบริบททางสังคมการเมืองนั้น มีผลต่อการท ากิจกรรมรณรงค์เพื่อ

               ส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งบางประเภท ดังเช่นบริบททางสังคมการเมืองในปัจจุบันที่มีข้อจ ากัดในการรวมตัวอาจ
               ส่งผลให้ผู้น าท้องที่และผู้น าท้องถิ่นมีความไม่สะดวกในการร่วมรณรงค์มากนักเนื่องจากเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ

               ขณะที่ บรรยากาศในเรื่องของการเลือกตั้งที่ยังมาไม่ถึงก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ท าให้ผู้น าชุมชนต้องพิจารณาหากจะ

               ประชาสัมพันธ์รณรงค์เรื่องดังกล่าว เพราะการประชาสัมพันธ์รณรงค์เรื่องการไม่ซื้อสิทธิขายเสียงโดยตรงอาจ
               ท าให้เรื่องดังกล่าวไม่ได้รับความสนใจจากคนในชุมชนมากนัก

                       จากข้างต้น แสดงให้เห็นว่าผู้น าชุมชนส่วนใหญ่ยังมี “ระยะห่าง” ในปฏิบัติการรณรงค์ส่งเสริมการ

               เลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงอยู่อย่างมาก แม้ว่าจะเป็นคนในชุมชนก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึง

               พิจารณาว่าควรจัดให้มีการกลุ่มจิตอาสาที่จะเข้ามารณรงค์ส่งเสริมการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงโดยเฉพาะ
               รวมทั้งควรพิจารณาปรับเปลี่ยนกรณีศึกษาจากเดิมก าหนดไว้เป็นการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น มาเป็นการเลือกตั้ง

               ระดับท้องที่ที่จะมีขึ้นโดยเร็วนี้แทน เพื่อสร้างเป้าหมายที่แน่นอนในการรณรงค์และเพื่อก าหนด

               ผู้ปฏิบัติการให้ชัดเจนและเป็นไปโดยสมัครใจ

                       ผลกำรค้นหำจิตอำสำจากเวทีประชุมประจ าเดือนของอาสาสมัครสาธารณะสุขประจ าหมู่บ้านภายหลัง
               จากการกล่าวถึงหลักการเหตุผลของโครงการในความส าคัญของการมีส่วนร่วมของพลเมืองในการส่งเสริม

               ชุมชนเข้มแข็ง และความส าคัญของการเลือกตั้งสมานฉันท์ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงว่าจะน าพาชุมชนสู่ความเข้มแข็ง

               ได้อย่างไร พบว่ามีผู้ที่สมัครใจเข้าร่วมเป็นจิตอาสาเพียง 10 คน ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 3 ของผู้เข้ารับฟังการบรรยาย
               300 คนเท่านั้น ซึ่งอาจเป็นเพราะการสร้างความรู้ความเข้าใจความส าคัญของความเป็นพลเมืองต่อการส่งเสริม

               ชุมชนเข้มแข็งและประชาธิปไตยที่มีคุณภาพผ่านกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงของ

               ผู้วิจัยเป็นไปในระยะเวลาอันสั้นเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ประกอบกับ ประเด็นกิจกรรมเฉพาะที่จะน ามาใช้รณรงค์
               ส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งในครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการเมือง ในการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียง ไม่ใช่เรื่องการมีส่วน

               ร่วมในลักษณะของการบ าเพ็ญสาธารณะประโยชน์ทั่วไป อีกทั้งการมีส่วนร่วมในการรณรงค์นั้นผู้เข้าร่วม

               จะต้อง “ลงทุน” ทางด้านเวลามากกว่าการมีส่วนร่วมในรูปแบบอื่นๆ จึงส่งผลให้มีผู้ตัดสินใจเข้าร่วมกิจกรรมนี้

               เป็นจ านวนน้อย
                       ภายหลังจากได้ผู้ที่อาสาเข้ามาเป็นแกนน ารณรงค์ส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขาย

               เสียงแล้ว ผู้วิจัยได้จัดสนทนากลุ่มระหว่างจิตอาสาเพื่อร่วมกันวางแผนกิจกรรมต่างๆในการรณรงค์ต่อไป ผลการ

               สังเกตการณ์การมีส่วนร่วมพบว่าจิตอาสาที่เข้าร่วมกิจกรรมหมู่ที่ 2 นั้นมีความกระตือรือร้นในการแสดงความ
               คิดเห็นมากที่สุด อาจเป็นเพราะหมู่ที่ 2 ก าลังจะมีการเลือกผู้ใหญ่บ้านเกิดขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 นี้

               ประกอบกับจิตอาสาจากหมู่ที่ 2 ส่วนใหญ่คือผู้ที่ลงสมัครรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านและเป็นทีมสนับสนุนผู้สมัครผู้

               ลงรับเลือกเป็นผู้ใหญ่บ้านในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่จิตอาสาจากหมู่ที่ 2 ทุกคนที่มีความกระตือรือร้นในการ




                                                                                                         173
   184   185   186   187   188   189   190   191   192   193   194