Page 191 - kpiebook62014
P. 191
ขณะที่เรื่องของความเป็ นพลเมืองและการมีส่วนร่วมของพลเมืองในการส่งเสริมความเป็ น
ประชาธิปไตยนั้น แม้ผู้วิจัยจะถ่ายทอดเรื่องดังกล่าวแก่อาสาสมัครเหล่านี้ แต่ด้วยระยะเวลาที่สั้นอาจไม่เพียง
พอที่จะสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งได้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นใจในการถ่ายทอดต่อ ดังสะท้อนให้เห็นได้จาก
ผลการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการเผยแพร่และรณรงค์ต่อของจิตอาสาว่าส่วนใหญ่เป็นการบอกกล่าวต่อครัวเรือน
ที่อยู่ในการดูแลของตนเมื่อตรวจเยี่ยมโดยเรื่องที่บอกนั้นส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงห้ามปรามว่าการเลือกตั้งที่มีการ
ซื้อสิทธิขายเสียงนั้นไม่ดี “อย่าท า” ไม่ต่างจากสิ่งที่ผู้น าชุมชนกล่าว
ประเด็นที่สาม คือเรื่องของความเป็นเจ้าภาพ แน่นอนว่าแม้ผู้วิจัยจะพยายามสร้างความรู้สึกว่าเป็น
เจ้าของประเด็นการรณรงค์ส่งเสริมการเลือกตั้งสมานฉันท์และไม่ซื้อสิทธิขายเสียงให้แก่คนในชุมชนได้รู้สึกว่า
เป็นภาระกิจร่วมกันเพื่อสร้างต าบลต้นแบบในเรื่องนี้สักเพียงใดก็ตาม แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองในเรื่อง
ของการจัดให้มีการเลือกตั้งยังไม่มีทีท่าจะเกิดขึ้น จึงส่งผลให้เป้าหมายในการส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งผ่าน
กิจกรรมดังกล่าวไม่มีความเข้มข้นเพียงพอ ขณะที่การหยิบยกประเด็นการเลือกตั้งระดับท้องที่ในหมู่ที่ 2 ขึ้นมา
เป็นเป้าหมายในการขับเคลื่อนกิจกรรมรณรงค์ส่งเสริมชุมชนเข้มแข็งสมานฉันท์โดยการเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขาย
เสียงแม้จะท าให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนยิ่งขึ้นและสามารถประเมินผลที่เกิดขึ้นจากการรณรงค์ได้ กระนั้น ก็ยังไม่
สามารถสร้างเป้าหมายร่วมกันที่ใหญ่ระดับต าบลได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวส่งผลต่อความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อน
กิจกรรมรณรงค์ในเวลาต่อมา ดังจะเห็นได้ว่า จิตอาสาหมู่อื่นๆพร้อมที่จะยกให้จิตอาสาหมู่ที่ 2 เป็นแกนน า
ขับเคลื่อนกิจกรรมรณรงค์เลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงโดยพฤตินัย โดยพวกตนในฐานะจิตอาสาจะเข้าร่วมกับ
ปฏิบัติการดังกล่าว ส่งผลให้จิตอาสาหมู่ที่ 2 ต้องท าหน้าที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนกิจกรรมดังกล่าวในหมู่
ที่ 2 โดยจิตอาสาหมู่อื่นรอดูในฐานะผู้เข้าร่วมเท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจมองว่าเป็นการให้เกียรติแก่หมู่บ้านเจ้าภาพ
กระนั้นอีกมุมหนึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอในการเกาะเกี่ยวกันด้วยประเด็นการเมืองที่มีความอ่อนไหวที่
ส่งผลให้เกิดความไม่เป็นเนื้อเดียวกันของจิตอาสาที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
ประเด็นที่สี่ การใช้เวทีของจิตอาสาเป็นพื้นที่พันธะสัญญาระหว่างทีมผู้สนับสนุนผู้ลงสมัครรับเลือก
เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 แต่ละฝ่าย ดังจะเห็นได้ว่าจิตอาสาที่เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้เป็นอาสาสมัครที่มาจากหมู่
ที่ 2 มากที่สุด โดยมีจ านวนทั้งสิ้น 14 คน ขณะที่หมู่อื่นๆมีระหว่าง 1-5 คนเท่านั้น ซึ่ง 14 คนนี้สามารถแบ่งออก
ได้เป็นกลุ่มที่สนับสนุนผู้สมัครหมายเลข 2 และหมายเลข 3 อย่างละ 7 คน ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่าการขันอาสา
เข้ามารณรงค์การเลือกตั้งไม่ซื้อสิทธิขายเสียงของจิตอาสาจากหมู่ที่ 2 ในแง่หนึ่งจึงมีความเป็นการเมือง ในส่วน
ของการติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งยังเป็นการสร้างสัญญาใจร่วมกันกับฝ่ายตรงข้ามหากฝ่าย
ใดมีการเคลื่อนไหวเพื่อใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อเสียงจะต้องมีการ “เสียหน้า” “เสียศักดิ์ศรี” เพราะการประกาศตัวเป็น
จิตอาสาร่วมรณรงค์การเลือกตั้งที่ไม่ซื้อสิทธิขายเสียงในครั้งนี้เปรียบเสมือนเป็นค ามั่นสัญญากับประชาชนไม่
175