Page 49 - kpiebook62006
P. 49
44
ละเว้นจากการรบกวนขัดขวางการใช้เสรีภาพของตนเท่านั้น หาได้มีอ านาจตามกฎหมายในอันจะเรียกร้องให้
ผู้อื่นกระท าการอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นการส่งเสริมการใช้เสรีภาพของตน หรือเอื้ออ านวยให้ตนใช้
เสรีภาพได้สะดวกขึ้นไม่” ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า เสรีภาพจึงก่อให้เกิดสิทธิได้เช่นกัน ซึ่งบางครั้งอาจจะ
เรียกว่า สิทธิในเสรีภาพ กล่าวคือ เสรีภาพก่อให้เกิดสิทธิในการที่จะเรียกร้อง มิให้บุคคลอื่นหรือรัฐกระท า
การอันเป็นการลิดรอนเสรีภาพนั้นได้ และหากมีการลิดรอนเสรีภาพ ผู้ทรงเสรีภาพก็ย่อมมีสิทธิในการร้องขอ
หรือเยียวยาเพื่อให้ยุติการลิดรอนเสรีภาพนั้น
กล่าวโดยสรุป “สิทธิ” เป็นอ านาจที่บุคคลใช้ในความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้อื่น โดย
การเรียกร้องให้ผู้อื่นมีหน้าที่กระท าการหรือละเว้นกระท าการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นประโยชน์แก่ตน
ตัวอย่างเช่น สิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของรัฐ เป็นต้น ในขณะที่
“เสรีภาพ”นั้น เป็นอ านาจที่บุคคลนั้นมีอยู่เหนือตนเองในการตัดสินใจที่จะกระท าการหรือไม่กระท าการ
อย่างใดอย่างหนึ่งโดยปราศจากการแทรกแซงหรือครอบง าจากบุคคลอื่น ซึ่งอาจจะท าให้เข้าใจว่าเสรีภาพ
ของบุคคลหนึ่ง ๆ ไม่ได้ก่อให้เกิดหน้าที่แก่บุคคลอื่น อย่างไรก็ตามต้องตระหนักว่า การที่กฎหมายรับรอง
เสรีภาพอย่างใดอย่างหนึ่งให้แก่บุคคล ย่อมก่อให้เกิด “หน้าที่” แก่บุคคลอื่นด้วย แต่หน้าที่ดังกล่าวไม่ใช่
หน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติการหรือไม่ปฏิบัติการ กระท าการหรือไม่กระท าการอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ที่
จะต้องเคารพเสรีภาพของผู้อื่นเท่านั้น ผู้ทรงเสรีภาพคงมีอ านาจตามกฎหมายแต่เพียงที่จะเรียกร้องให้ผู้อื่น
11
ละเว้นจากการขัดขวางการใช้เสรีภาพของตนเท่านั้น ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่า เสรีภาพกับหน้าที่นั้นก็มี
ความสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออกเช่นเดียวกับเรื่องสิทธิและหน้าที่
2.1.4 ประเภทของสิทธิและเสรีภาพ
ในการจ าแนกประเภทของสิทธิและเสรีภาพนั้น อาจแบ่งแยกได้หลายลักษณะ ขึ้นอยู่กับ
เกณฑ์ที่ใช้พิจารณาในการจ าแนก โดยในที่นี้จะใช้เกณฑ์ในการแบ่งจ าแนก 2 หลักเกณฑ์ ได้แก่ เกณฑ์การ
พิจารณาจากวิธีการใช้สิทธิและเสรีภาพ และเกณฑ์การพิจารณาจากผู้ทรงสิทธิและเสรีภาพ
12
(1) เกณฑ์การพิจารณาจากวิธีการใช้สิทธิและเสรีภาพ
เป็นเกณฑ์ที่พิจารณาโดยอาศัยลักษณะหรือวิธีการใช้สิทธิและเสรีภาพของ
ประชาชนกับหน้าที่ของรัฐเป็นข้อพิจารณาในการแบ่งสิทธิและเสรีภาพดังกล่าว ซึ่งสามารถท าให้เข้าใจพื้นฐาน
11 วรพจน์ วิศรุตพิชญ์, รายงานการวิจัย สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ (ศึกษารูปแบบการจ ากัดสิทธิเสรีภาพที่รัฐธรรมนูญให้
ไว้อย่างเหมาะสม), หน้า 17.
12 ศาสตราจารย์ ดร.บรรเจิด สิงคะเนติ เรียกเกณฑ์นี้ในอีกชื่อหนึ่งว่า “เกณฑ์ตามแนวคลาสิคของเยอรมัน” เนื่องจากเป็นเกณฑ์ที่
เสนอโดย Georg Jellinek นักกฎหมายชาวเยอรมัน