Page 148 - kpiebook62004
P. 148

บทบาทนานาชาติต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในชายแดนใต้ของไทยและบางมุมมองต่อภาพอนาคต




                       นอกจากข้อสังเกตส าคัญข้างต้น คณะท างาน IPP ยังให้ข้อสังเกตต่อไปอีกว่า


                                บทเรียนจากความขัดแย้งอื่นๆ กระบวนการสันติภาพที่ด าเนินไปเพื่อเปลี่ยนผ่านความ

                           ขัดแย้งจากที่มีการใช้ความรุนแรงไปสู่วิธีการที่แต่ละฝ่ายจะรับมือกับความขัดแย้งด้วยวิธีการทาง

                           การเมืองนั นมีความแตกต่างกัน แต่ก็พอจะสรุปให้เห็นถึงบทบาทของการพูดคุยและเจรจา

                           สันติภาพที่จ าเป็นต้องเดินควบคู่กันไปกับการสร้างแรงสนับสนุนจากสาธารณะ (เน้นโดยผู้วิจัย)

                           พร้อมๆ กับการสร้างสิ่งที่เรียกว่า “เครือข่ายนิรภัย” (Safety Net) ที่หนุนเสริมกระบวนการ
                           สันติภาพ หมายถึงการท างานเพื่อสันติภาพของผู้คนอันหลากหลายในระดับต่างๆ เพื่อ

                           ประคับประคองให้กระบวนการสันติภาพเดินหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน แต่กระนั น แผนที่เดินทาง

                           (Road Map) ดังกล่าวก็ใช่ว่าจะเดินเป็นเส้นตรงหรือบรรลุผลอย่างเป็นล าดับขั นตอนเท่านั น

                           ความท้าทายและอุปสรรคนานัปการอาจผลักให้เรากลับมาเริ่มต้นใหม่อีกนับครั งไม่ถ้วน บทบาท

                           ของผู้คนในภาคประชาสังคม และชุมชนรากหญ้า ตลอดจนแรงสนับสนุนของสาธารณชนจึงเป็น
                           เงื่อนไขส าคัญของการสร้างสันติภาพ...(คณะท างานพื นที่กลางสร้างสันติภาพจากคนใน, 10

                           มีนาคม 2556)


                       ค าถามในที่นี  คือ เครือข่ายหนุนเสริมกระบวนการพูดคุยเป็นใครได้อีกบ้างที่ไม่ได้ปรากฏในแผนภาพที่

               คณะท างาน IPP รวบรวมไว้ หากมิใช่ตัวแสดงจากนานาชาติ


                       ข้อสมมติฐานของคณะผู้วิจัยมองว่า เครือข่ายหนุนเสริมกระบวนการสร้างสันติภาพและการพูดคุยควร

               ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ในการหนุนเสริมกระบวนการสันติภาพด้วยใช่หรือไม่ เพราะ

               กระบวนการสร้างสันติภาพต้องการจินตนาการและประสบการณ์ควบคู่กัน และต้องยอมรับว่าความขัดแย้ง
               รุนแรงที่ปะทุขึ นในชายแดนใต้เป็นปัญหาใหม่ที่สังคมไทยยังขาดทั งทักษะ ความรู้ และจินตนาการที่จะออก

               จากวังวนของความขัดแย้ง อีกทั งประสบการณ์การเผชิญหน้ากับความรุนแรงด้วยสันติวิธีก็ยังไม่เข้มแข็งพอ

               เห็นได้จากวิธีการจัดการที่มักจะโน้มเอียงไปในทางใช้ก าลังปราบปราม ควบคุมสถานการณ์มากกว่าที่จะเป็น

               การนั่งลงสนทนากันอย่างเสมอภาค ฟังกันและกันมากพอที่จะแสวงหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ดังนั น

               มองในเชิงเปรียบเทียบ การเริ่มต้นกระบวนการสันติภาพจึงอาจจะยังต้องการการหนุนเสริมจากผู้มี
               ประสบการณ์และความรู้จากนานาชาติ


                       กล่าวให้ถึงที่สุด แม้ว่าจะมีการตกลงกันว่าจะเข้าสู่กระบวนการพูดคุยเพื่อแสวงหาหนทางไปสู่

               สันติภาพร่วมกัน ทว่าการลงนามดังกล่าวก็ยังเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นอย่างเป็นทางการหลังจากที่มีความ

               พยายามในการหาหนทางที่จะเข้าสู่การเจรจากันมาก่อนหน้านั นอย่างไม่เปิดเผยหากแต่ทางรัฐบาลไทยได้ให้

               การสนับสนุนมาตั งแต่ปี พ.ศ. 2547 หลังเหตุการณ์ตากใบในเดือนตุลาคม ผู้แทนไทยโดยฝ่ายการเมืองที่เป็น



                                                           104
   143   144   145   146   147   148   149   150   151   152   153