Page 119 - kpiebook62002
P. 119

ส านักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ส านักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วส่งให้ส านักงาน

               คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
                       ประการที่สอง จัดตั้งคณะกรรมการบริหารคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและผู้ลี้ภัยขึ้นใหม่ ในร่างระเบียบ

               ส านักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการบริหารจัดการคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและผู้ลี้ภัย พ.ศ. ....  ก าหนดให้มี

               “คณะกรรมการบริหารคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและผู้ลี้ภัย” ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีซึ่ง
               นายกรัฐมนตรีมอบหมายเป็นประธานกรรมการ กรรมการประกอบด้วยปลัดกระทรวงจาก 3 กระทรวง ได้แก่

               มหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน รวมทั้งอัยการสูงสุด ผู้บัญชาการต ารวจแห่งชาติ

               เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และมีผู้บัญชาการส านักงานตรวจคนเข้าเมือง ส านักงานต ารวจแห่งชาติ
               เป็นกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการนี้มีอ านาจหน้าที่พิจารณาก าหนดนโยบาย ยุทธศาสตร์ มาตรการ

               และแนวทางการบริหารจัดการคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและผู้ลี้ภัย พิจารณาคัดกรองคนเข้าเมืองผิดกฎหมาย

               และผู้ลี้ภัยกลุ่มต่างๆ ประสานงานและร่วมมือกับรัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐบาลต่างประเทศ องค์การ
               ระหว่างประเทศ และองค์กรภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น ส่วนส านักงานเลขานุการของคณะกรรมการฯ เป็น

               หน้าที่ของส านักงานตรวจคนเข้าเมือง นอกจากนี้ในร่างระเบียบฯ ก าหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดกรองคน

               เข้าเมืองผิดกฎหมายและผู้ลี้ภัย
                       ประการที่สาม การเสนอความเห็นในการจัดตั้งกลไกแบบบูรณาการจัดการผู้ลี้ภัยและผู้อพยพจาก

               ส านักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติโดยเรียกว่า “กรมกิจการคนเข้าเมือง” กรมนี้ถือเป็นกลไกและการบริหาร

               จัดการในเชิงนโยบายภายใต้ค าสั่งส านักนายกรัฐมนตรีหรือค าสั่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีระบบคัดกรอง
               และการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพในลักษณะที่มีความยืดหยุ่นและอ่อนตัว ควบคู่กับการปฏิบัติตามหลัก

               มนุษยธรรมและสิทธิมนุษยชนอย่างเหมาะสม กระทรวงมหาดไทยมีข้อเสนอเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎหมายว่า

               ด้วยคนเข้าเมืองเพื่อจัดตั้งกรมดังกล่าวว่า ควรพิจารณาศึกษาเชื่อมโยงกับมิติงานด้านความมั่นคงในภาพรวม
               เพราะเกี่ยวข้องกับภารกิจอ านาจหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคงอื่นๆ ทั้งฝ่ายทหาร ต ารวจ และศุลกากร

               เพื่อน าไปสู่การปฏิรูปทั้งระบบ

                       จากการเลือกใช้ค าว่า “คนเข้าเมือง” ในกลไกการรับมือเหล่านี้ แสดงให้เห็นแนวทางที่รัฐบาลไทยมุ่ง
               ใช้จัดการชาวโรฮิงญาในฐานะ “ผู้หลบหนีเข้าเมือง” โดยเน้นป้องกันไม่ให้เข้ามาในประเทศด้วยการบังคับใช้

               กฎหมายจับกุมคุมขังชาวโรฮิงญาที่เข้ามาในประเทศอย่างจริงจังและไม่ให้ได้รับการผ่อนผันให้อยู่ในประเทศ

               เช่นเดียวกับคนต่างด้าวจากเมียนมา ลาว และกัมพูชา ซึ่งเป็นการด าเนินการตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง
               พ.ศ. 2522 น ามาซึ่งการจับกุมชาวโรฮิงญาที่เข้ามาหลายครั้งยาวนานไม่มีก าหนด หรือถูกผลักดันออกนอก

               ประเทศ โดยไม่ค านึงว่ากลับประเทศต้นทางได้หรือไม่ ในส่วนผู้ปฏิบัติงานอย่างเจ้าหน้าที่ไทยก็ประสบปัญหา

               การจัดท าทะเบียนประวัติชาวโรฮิงญาที่ถูกจับกุม เพราะขาดแคลนล่ามที่สามารถแปลและสื่อสารให้เข้าใจกัน
               ได้เนื่องจากชาวโรฮิงญาไม่ใช้ภาษาเมียนมา แต่ใช้ภาษาโรฮิงญา ซึ่งเป็นการยากที่เจ้าหน้าที่ผู้สอบประวัติและ

               ชาวโรฮิงญาจะสื่อสารกันได้ (ศิววงศ์ สุขทวี, 2557)







                                                          [103]
   114   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124