Page 46 - kpiebook61002
P. 46

จากเนื,อหาในส่วนภารกิจของยุติธรรมชุมชนที*กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี, ว่ามีกิจกรรม C ด้าน ได้แก่

               การป้ องกันและควบคุม การจัดการความขัดแย้งเชิงสมานฉันท์ การเยียวยา และการรับคืนผู้กระทําผิดสู่สังคม

               Clear & other และวันชัย รุจนวงศ์ (Clear & other, 2011, pp. 139-140; วันชัย รุจนวงศ์, 2550, น. 209-210)
               เสนอรูปแบบการขับเคลื*อนภารกิจงานด้านยุติธรรมซึ*งชุมชนสามารถเข้าไปเกี*ยวข้องได้ สรุปเป็น 3 แบบ ดังนี,

                   แบบเกี	ยวโยง (involvement)  เป็นการเรียกหาการมีส่วนร่วมโดยทั*วไปจากประชาชนและชุมชนในงาน

               ยุติธรรม เช่น การให้ประชาชนมาช่วยกันระบุปัญหาร่วมกันในงานของตํารวจ เข้าร่วมปรึกษาหารือในด้าน
               กฎหมายหรือป้ องกันอาชญากรรมเพื*อป้ องกันและเฝ้ าระวังเรื*องยาเสพติด ชุมชนเข้าให้คําแนะนําแก้ไขปัญหา

               สังคม ในรูปแบบนี, ชุมชนมีความเกี*ยวโยงการทํางานด้านยุติธรรมชุมชนกับภาคส่วนอื*นๆ แต่อาจเป็นไปใน

               ลักษณะการรับฟัง ให้ข้อมูล เข้าร่วมในกิจกรรมที*ส่วนอื*นจัดขึ,น ยังไม่ถึงระดับของการเป็นภาคีร่วมดําเนินการ

                   แบบหุ้นส่วน (partnership) เป็นการที*หน่วยงานของรัฐร่วมมือกับภาคส่วนอื*นทั,งประชาชน ภาคเอกชน ใน
               ลักษณะของการเป็นภาคีและเป็นหุ้นส่วนกันทํางาน ยกตัวอย่าง การค้นหาปัญหาเพื*อป้ องกันอาชญากรรมใน

               ชุมชน ที*มีการร่วมกันทํางานระหว่างหน่วยบริการ ผู้นําชุมชนท้องถิ*น และตัวแทนภาคเอกชนเพื*อต่อต้านกลุ่ม

               อิทธิพลในชุมชนในรัฐแมสซาซูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยภาครัฐอาจมีการค้นหากลุ่มตัวแทนในชุมชนที*
               อาสาสมัครเข้าร่วมทํางานที*พร้อมจะดูแลชุมชนมาเข้ารับการฝึกอบรม หรือการเชิญให้ชุมชนร่วมกันวางแผนใน

               การอบรมดูแลและร่วมมือกันป้ องกันการกระทําผิดของเด็กและเยาวชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี*ยงที*จะนําไปสู่การ

               กระทําผิด โดยอาจร่วมมือกันจัดอบรมหรือจัดกิจกรรมให้เยาวชนได้รับรู้ถึงผลกระทบของการกระทําผิด เป็นต้น
                   แบบขับเคลื	อน (Mobilization) เป็นแบบที*ใช้ในชุมชนที*ค่อนข้างมีสภาพแร้นแค้นหรือมีปัญหาอาชญากรรม

               สูง รูปแบบนี,ให้แนวคิดกับชุมชนว่าชุมชนเองไม่อาจจะหนีหายไปที*ไหนได้ ต้องอยู่กับชุมชนและต้องสู้ดิ,นรนเพื*อ

               ความปลอดภัยภายในชุมชนของตนด้วยตัวของชุมชนเอง รูปแบบนี,จึงต้องมีความเข้มแข็งของชุมชนเป็นอย่าง
               มาก เช่น การตั,งกลุ่มจับตาเฝ้ าระวังขโมยในชุมชน มีการให้ความรู้และจัดสร้างเครือข่ายประสานงานที*มี

               ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ*งด้านการสื*อสารเพื*อรับแจ้งเหตุร้ายจากยุติธรรมชุมชน

                   การเลือกว่าจะใช้รูปแบบเพื*อขับเคลื*อนงานยุติธรรมชุมชนแบบใดนั,นไม่มีคําตอบที*ดีที*สุดของแต่ละแบบ

               เพราะแต่ละตัวแบบต่างมีจุดแข็งจุดอ่อนที*ต่างกัน ทางที*ดีที*สุดขึ,นอยู่กับการพิจารณาปัจจัยที*กระทบต่อชุมชน
               (Clear & other, =gBB, pp.B?I-BCg) ได้แก่

                   -  ความยากในการแก้ไขปัญหา (เป็นปัญหาระยะยาวหรือไม่ ซับซ้อนเพียงใด ใช้ทรัพยากรเพียงใด ฯลฯ)

                   -  ความพร้อมในการร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ในระบบยุติธรรม (หน่วยงานต่างๆ มีความไว้วางใจกัน
                      เพียงใด มีการแข่งขันกันด้วยผลงานและงบประมาณของหน่วยงานตัวเองหรือไม่)

                   -  ผู้นําที*เข้มแข็งในชุมชน (ชุมชนมีผู้นําที*เข้มแข็งที*พร้อมจะเคลื*อนงานยุติธรรมชุมชนหรือไม่ ภาคส่วน

                      ต่างๆ มีความน่าเชื*อถือเพียงใดที*จะเริ*มงานยุติธรรมชุมชน)

                                                            37
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51