Page 62 - b29416_Fulltext
P. 62
60
ตารางที่ 10 : สัดส่วนที่นั่งสองพรรคใหญ่ในรัฐสภาระหว่างการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544-2554
การเลือกตั้ง จ านวนที่นั่งสองพรรคใหญ่รวมกัน ร้อยละที่นั่งในสภา
(ไทยรักไทย/พลังประชาชน/เพื่อไทย + ประชาธิปัตย์)
2544 376 (248 + 128) 75.2
2548 473 (377 + 96) 94.6
2550 398 (233 + 165) 82.91
2554 424 (265 + 159) 84.8
ที่มา: ค านวณจากผลการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544, 2548, 2550, 2554
ตารางที่ 11 : สัดส่วนคะแนนเสียงของสองพรรคใหญ่ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544-2554
การเลือกตั้ง จ านวนคะแนนในระบบบัญชีรายชื่อ ร้อยละของคะแนน
ของสองพรรคใหญ่รวมกัน เลือกตั้งทั้งหมด
(ไทยรักไทย/พลังประชาชน/เพื่อไทย + ประชาธิปัตย์
2544 19,245,284 (11,634,495 + 7,610,789) 72.7
2548 26,143,815 (18,993,073 + 7,210,742) 93
2550 24,470,341 (12,331,381 + 12,138,960) 81.52
2554 27,177,952 (15,744,190 + 11,433,762) 83.56
ที่มา: ค านวณจากผลการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544, 2548, 2550, 2554
จากลักษณะดังกล่าวสรุปได้ว่าระบบเลือกตั้งปี 2540, 2550 และ 2550 (แก้ไขเพิ่มเติม)
ส่งผลให้เกิดระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรคที่ไม่กระจัดกระจาย โดยมีพรรคใหญ่ 2 พรรคมี
บทบาทน า และถ้าหากค านวณเพื่อหาค่าที่แม่นย ายิ่งขึ้นว่าระบบพรรคการเมืองของไทยเป็นระบบ
แบบใดระหว่างพรรคเด่นพรรคเดียว ระบบสองพรรค ระบบหลายพรรค หรือระบบหลายพรรค
ที่กระจัดกระจาย โดยใช้ค่ามาตรฐานที่ได้รับการยอมรับทางวิชาการที่เรียกว่าค่าจ านวนพรรค
การเมืองที่มีนัยส าคัญ (the effective number of parties) โดยในงานวิจัยชิ้นนี้ใช้การค านวณหาค่า
จ านวนพรรคการเมืองในสภา (the effective number of parliamentary parties - ENPP)
โดยค านวณจากที่นั่งในสภาที่แต่ละพรรคได้รับ อธิบายง่ายๆ ได้ดังนี้ ค่าจ านวนพรรคการเมืองที่มี
29
นัยส าคัญเป็นดัชนีบ่งบอกว่าระบบพรรคการเมืองนั้นมีความกระจัดกระจายมากน้อยเพียงใด ยิ่งค่านี้
มีจ านวนมากหมายความว่าระบบพรรคการเมืองมีความกระจัดกระจายหรือมีการแตกตัวสูง
ซึ่งการพิจารณาความกระจัดกระจายของพรรคการเมืองนั้นจะไม่สามารถดูได้จากแค่จ านวนพรรค
29 อีกค่าหนึ่งคือการค านวณหาค่าจ านวนคะแนนเสียง (vote shares) ที่แต่ละพรรคได้รับ (the effective number of electoral
parties –ENEP) ค่ามาตรฐานนี้คิดค้นโดย Laakso and Taagepera (1979) และถูกใช้อย่างกว้างขวางทั่วไปโดยนักวิชาการที่ศึกษา
ระบบเลือกตั้งและระบบพรรคการเมือง แม้ว่าจะมีข้อวิจารณ์จากนักวิชาการบางคน แต่ถือว่ายังคงเป็นค่ามาตรฐานในการชี้วัดลักษณะ
ของระบบพรรคการเมืองในแต่ละสังคม (ดูข้อวิจารณ์และการน าเสนอตัวชี้วัดอื่นใน Molinar 1991; Dunleavy and Boucek 2003;
และ Golosov 2009).