Page 57 - b29416_Fulltext
P. 57

55


                   เลือกตั้งปี 40 สร้างให้เกิดรัฐบาลจ านวนน้อยพรรคที่สุด ในขณะที่ระบบเลือกตั้งปี 2550 และ 2550

                   แก้ไขเพิ่มเติมท าให้ต้องจัดตั้งรัฐบาลผสมที่มีจ านวนพรรคมากขึ้น (ในระดับที่ไม่ต่างกันมากนัก)
                   เพราะการเปลี่ยนเขตเลือกตั้งและสัดส่วนระหว่าง ส.ส. เขตกับบัญชีรายชื่อและการยกเลิกเพดาน

                   ขั้นต่ าในระบบบัญชีรายชื่อ ท าให้มีพรรคการเมืองเข้าสู่สภามากขึ้น (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ

                   ถัดไป) ฉะนั้นพิจารณาในมิติแรกพบว่าระบบเลือกตั้งผสมแบบคู่ขนานท าให้รัฐบาลสามารถจัดตั้ง
                   โดยมีองค์ประกอบน้อยพรรคลงกระทั่งจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ ในแง่นี้รัฐบาลมีความเข้มแข็งขึ้น

                   และหัวหน้ารัฐบาลมีภาวะการน าที่สูงขึ้นดังที่พบว่ารัฐบาลน าโดยพรรคไทยรักไทยที่ชนะการเลือกตั้ง
                   ในปี 2544 สามารถอยู่ครบวาระเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และรัฐบาลดังกล่าว

                   สามารถผลักดันนโยบายได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่สัญญาหาเสียงไว้กับประชาชน
                          อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นการเมืองไทยก็เกิดความผันผวนและเข้าสู่ยุควิกฤตทางการเมือง

                   มีการเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองของกองทัพด้วยการท ารัฐประหารถึง 2 ครั้งในหนึ่งทศวรรษ

                   เกิดความขัดแย้งบนท้องถนนและความรุนแรงในการปราบปรามการชุมนุมประท้วง มีการแบ่งขั้ว
                   ร้าวลึกในสังคมและความขัดแย้งทางอุดมการณ์ จนกระทบกับเสถียรภาพและการท างานของรัฐบาล

                   ดังที่พบว่าแม้รัฐบาลจากการเลือกตั้งหลังปี 2548 ถึง 2554 จะมีสัดสวนที่นั่ง-ของพรรคร่วมรัฐบาลสูง

                   ในสภาแต่ก็ไม่สามารถท างานจนครบวาระได้ เนื่องจากถูกรัฐประหาร (รัฐบาลทักษิณ 2 และรัฐบาล
                   ยิ่งลักษณ์) หรือนายกฯ ถูกตัดสิทธิทางการเมือง (รัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชาย) ฉะนั้น ข้อควร

                   ค านึงคือ เสถียรภาพและความเข้มแข็งของรัฐบาลไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องระบบเลือกตั้งเพียงเท่านั้น
                   แต่ขึ้นอยู่กับโครงสร้างอ านาจทางการเมืองและสภาพความขัดแย้งทางสังคมในช่วงเวลาหนึ่งๆ ด้วย

                   ล าพังคะแนนเสียงและจ านวนที่นั่งส.ส. ที่มั่นคงในเวทีรัฐสภามิอาจเป็นเงื่อนไขที่เพียงพอในการสร้าง
                   เสถียรภาพของรัฐบาลได้ หากโครงสร้างอ านาจทางการเมืองในสังคมนั้นยังมีพลังทางการเมือง

                   ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งที่สามารถล้มผลการเลือกตั้งได้ (Kasian 2006; Thongchai 2008;

                   Connors and Ukrist 2021)
                          ในขณะเดียวกันระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมในปี 2560 ได้ท าให้การเมืองย้อนกลับ

                   ไปสู่สภาพก่อนปี 2540 คือการมีรัฐบาลผสมที่ประกอบด้วยพรรคการเมืองจ านวนมาก และต้องชี้ไว้
                   ด้วยว่าระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่มีบัตรใบเดียวนั้นยิ่งท าให้เกิดรัฐบาลผสมจ านวนมากยิ่งกว่าระบบ

                   เลือกตั้งแบบบล็อกโหวตที่ใช้อยู่ก่อนปี 2540 เพราะระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมนั้นสร้างให้เกิด

                   ระบบพรรคการเมืองแบบหลายพรรคกระจัดกระจาย (fragmented party system) ดังที่พบว่า
                   รัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนน านั้นต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม 19 พรรค

                   แต่มีเสียง ส.ส. รวมกันคิดเป็นเพียงร้อยละ 50.8 ของสภา ซึ่งภาวะรัฐบาลปริ่มน้ าดังกล่าวท าให้พรรค
                   ร่วมรัฐบาลมีอ านาจต่อรองสูงในการแย่งชิงโควตาต าแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงส าคัญจากพรรค

                   พลังประชารัฐที่ชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับ 2 และมีที่นั่งเพียงร้อยละ 23.2 ของสภา (ดูตารางที่ 9) ท า

                   ให้การด าเนินนโยบายขาดความเป็นเอกภาพเนื่องจากต าแหน่งรัฐมนตรีในกลุ่มงานเดียวกัน
                   เช่น กระทรวงด้านเศรษฐกิจกระจายไปอยู่ในหลายพรรคการเมือง นอกจากนั้นการครองอ านาจของ
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62