Page 67 - b29416_Fulltext
P. 67
65
ในขณะเดียวกันระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรคเด่นก็เป็นระบบที่มีความเสี่ยงในการ
ซ้ าเติมท าให้ภาวะการแบ่งแยกแตกขั้วร้าวลึกมากขึ้น เพราะสังคมถูกท าให้เหลือเพียงสองทางเลือก
ระหว่างพรรค A หรือพรรค B การเมืองกลายเป็นการเมืองของขั้วตรงข้าม ขาวกับด า มิตรกับศัตรูที่
ไม่เหลือพื้นที่ตรงกลางของการรอมชอม เจรจา และหาทางออกร่วมกัน ภาวะแบ่งแยกแตกขั้วร้าวลึก
ที่คนในสังคมแบ่งออกเป็นสองขั้วที่ไม่สามารถพูดคุยหรือเห็นตรงกันในเชิงนโยบายเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้
เลยเป็นภาวะที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย และก าลังแผ่ขยายเพิ่มมากขึ้น
ทุกขณะ ซึ่งเป็นสภาวะที่บั่นทอนคุณภาพของประชาธิปไตยและศักยภาพของสังคมในการรับมือ
กับวิกฤตที่ยาก ซึ่งต้องระดมทรัพยากรเพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน รวมถึงท าให้ประชาธิปไตยถดถอยกระทั่ง
ล่มสลายได้ในบางประเทศ เพราะการแข่งขันทางการเมืองและการเลือกตั้งถูกท าให้กลายเป็นเหมือน
ภาวะสงครามที่เมื่อฝ่ายหนึ่งชนะในการครอบครองอ านาจรัฐก็จะยึดครองกลไกรัฐทั้งหมดเพื่อค้ าจุน
อ านาจของตน โดยไม่เหลือพื้นที่ทางการเมืองให้กับผู้แพ้ เช่นเดียวกันผู้แพ้ในการเลือกตั้งในสังคม
ที่แบ่งขั้วร้าวลึกก็มีแนวโน้มที่จะไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและบางกรณีก็หันไปใช้วิถีทางนอก
กระบวนการการเลือกตั้งเพื่อให้ฝ่ายตนกลับขึ้นสู่อ านาจ เนื่องจากคาดค านวณแล้วว่าฝ่ายตน
ไม่สามารถแข่งขันผ่านการเลือกตั้งได้ (Svolik 2018; Somer and McCoy. 2018; McCoy,
Rahman, and Somer 2018; Prajak 2019b)
สิ่งที่หายไปการเมืองแบบแบ่งขั้วคือ ความอดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่างและการยอมรับ
การด ารงอยู่ร่วมกันในฐานะพลเมืองร่วมสังคมที่ควรจะสามารถนิยมชมชอบพรรคการเมืองที่มี
นโยบายหรืออุดมการณ์ต่างกันได้ ความแตกต่างทางการเมืองในการเลือกสนับสนุนพรรคการเมือง
ที่ต่างกันถูกท าให้แข็งตัวจนกลายเป็นอัตลักษณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่ยากต่อการแปรเปลี่ยน ทั้งที่
จุดยืนหรือความชอบทางนโยบายต่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งควรเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้
ตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การเมืองไม่ควรถูกท าให้เสมือนกลายเป็นความเชื่อทางศาสนา
การแข่งขันในการเลือกตั้งมิควรถูกแปรสภาพให้เป็นสงครามของความเชื่อระหว่างการเลือกพวกเรา
กับพวกเขา (us versus them) หรือเลือกคนดีกับคนเลว คนรักชาติกับไม่รักชาติดังที่เกิดขึ้นในหลาย
ประเทศรวมทั้งในประเทศไทย ซึ่งแน่นอนว่าการแบ่งแยกแตกขั้วร้าวลึกเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยทั้งปัจจัย
ความเหลื่อมล้ าทางเศรษฐกิจ การแบ่งแยกทางเชื้อชาติสีผิวและศาสนา และประวัติศาสตร์ของ
แต่ละสังคม แต่ปัจจัยหนึ่งที่ส าคัญคือ ระบบการเลือกตั้งและระบบพรรคการเมืองแบบสองพรรค
มีส่วนท าให้การเมืองแบ่งขั้วได้ง่าย กระทั่งในประเทศประชาธิปไตยต้นแบบอย่างอังกฤษและ
สหรัฐอเมริกาก็เริ่มกลับมาทบทวนถึงสถาบันการเลือกตั้ง การปฏิรูประบบเลือกตั้งและกติกาที่
เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองเพื่อจะหาหนทางในการลดทอนความขัดแย้งร้าวลึกในสังคม (Klemperer
2019; Mason 2018; Abramowitz 2018; Klein 2020)