Page 68 - b29416_Fulltext
P. 68
66
ในการออกแบบระบบเลือกตั้งใหม่ในสังคมไทยเพื่อลดทอนความขัดแย้งและเพิ่มคุณภาพ
ประชาธิปไตย จึงมีความจ าเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงแนวโน้มสุดโต่งสองด้านซึ่งเกิดขึ้นจากระบบเลือกตั้ง
ก่อนหน้านี้ที่ใช้อยู่ตั้งแต่การเลือกตั้ง 2544-2562 แนวโน้มแรกคือการสร้างระบบพรรคเด่นพรรคเดียว
หรือสองพรรคเด่นในระบบการเมือง (ภายใต้ระบบเลือกตั้งผสมแบบคู่ขนานตามรัฐธรรมนูญ 2540,
2550 และ 2550 แก้ไขเพิ่มเติม) กับแนวโน้มที่สองคือการมีระบบพรรคการเมืองแบบกระจัดกระจาย
หลายพรรคที่อ่อนแอ (ระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม 2560) เพื่อที่จะออกจากความขัดแย้งแบบ
แบ่งขั้วและความอ่อนแอของระบบพรรคการเมืองซึ่งบั่นทอนคุณภาพการท างานของประชาธิปไตย
สังคมไทยจ าเป็นต้องหาทางสายกลางหรือจินตนาการใหม่ในการออกแบบระบบเลือกตั้งโดยระบบ
เลือกตั้งใหม่ควรที่จะช่วยเอื้อให้เกิดระบบพรรคการเมืองที่ก้าวข้ามพ้นตัวแบบพรรคเด่นพรรคเดียว
หรือสองพรรคใหญ่ครอบง า แต่ต้องไม่ใช่ระบบหลายพรรคที่ด้อยประสิทธิภาพในการท างานและ
ไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน ทางสายกลางนั้นควรเป็นระบบหลายพรรคที่ไม่กระจัดกระจาย
เน้นการแข่งขันเชิงนโยบาย และการสร้างพรรคทางเลือกอย่างแท้จริง มิใช่การสร้างจ านวนพรรค
มากมายจนเกินไปเข้าสู่ระบบเลือกตั้งโดยขาดคุณภาพ กลายเป็นพรรคขนาดเล็กที่ไม่ได้เป็นตัวแทน
ของประชาชนอย่างแท้จริง แต่กลับกลายเป็นกลุ่มต่อรองทางการเมืองในสภา
ตารางที่ 13 : จ านวนพรรคการเมืองที่มีที่นั่งในสภาและสัดส่วนที่นั่งของพรรคชนะอันดับ 1
ระหว่างการเลือกตั้ง พ.ศ. 2529-2539
การเลือกตั้ง จ านวนพรรคที่ได้ส.ส. สัดส่วนที่นั่งของพรรคชนะอันดับ 1
(ร้อยละ)
2529 11 28.8 (ประชาธิปัตย์)
2531 12 24.4 (ชาติไทย)
2535 (มี.ค.) 11 21.9 (สามัคคีธรรม)
2535 (ก.ย.) 11 21.9 (ประชาธิปัตย์)
2538 10 23.5 (ชาติไทย)
2539 10 31.8 (ความหวังใหม่)
ที่มา: Siripan (2006, 152)